ฟิลเลอร์สามารถฉีดได้หลายจุดทั่วใบหน้า แต่หนึ่งในจุดที่คนนิยมมากก็คือ การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม เพราะหน้าแก้มที่ดูฟู อวบอิ่ม จะทำให้ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์ นอกจากนี้ บางคนก็ยังมีความเชื่อว่าแก้มที่มีเนื้อเต็มอิ่ม กลมสวย ไม่แห้งตอบ ไม่มีร่อง จะเป็นลักษณะที่ดีเป็นมงคลอีกด้วย
สำหรับใครที่อยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มว่าคือตรงไหน ฉีดแล้วเป็นยังไง ควรฉีดกี่ CC ราคาเท่าไหร่ ฉีดยี่ห้อไหนดี แล้วต้องเตรียมตัวหรือดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างไรบ้าง ทาง Amarante Clinic ก็ได้รวบรวมทุกคำตอบมาให้ในบทความนี้แล้ว พร้อมด้วยรูปรีวิวการฉีดจากเคสจริง
สารบัญ ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
แก้มส้มคือตรงไหน มีลักษณะอย่างไร

แก้มส้ม (ภาษาอังกฤษเรียกว่าบริเวณ Midface) คือบริเวณหน้าแก้มที่มีลักษณะโค้งนูนขึ้นมาคล้ายผลส้ม ในแนวตั้งจะอยู่ระหว่างใต้ตากับแก้ม ส่วนแนวนอนจะอยู่ะหว่างโหนกแก้มและปีกจมูก โดยแต่ละคนก็จะมีขนาดของแก้มส้มที่ต่างกัน
ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม ช่วยอะไร เหมาะสำหรับใคร
การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าแก้มแบน หน้าแก้มหย่อนคล้อย มีริ้วรอยร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ร่องใต้ตาลึก ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น มีเนื้อบริเวณหน้าแก้มน้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หรือเกิดจากอายุที่มากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อและชั้นไขมันเสื่อม รวมถึงอาจเกิดการยุบตัวของกระดูก ซึ่งเมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปก็จะช่วยเติมเต็มหน้าแก้มให้ดูอวบอิ่มและชุ่มชื้น ช่วยยกกระชับ ช่วยลดริ้วรอยร่องลึกต่างๆ ให้จางลง ใบหน้าโดยรวมก็จะดูเปล่งปลั่งสดใสและอ่อนเยาว์มากขึ้น
อ่านเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์คืออะไร ช่วยอะไร ฉีดตรงไหนได้บ้าง [พร้อมรีวิว]
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม

สาเหตุที่การฉีดฟิลเลอร์บริเวณหน้าแก้มรวมถึงบริเวณอื่นบนใบหน้าเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมก็เนื่องด้วยข้อดีต่างๆ เช่น
- เห็นผลได้ทันที ไม่ต้องรอพักฟื้นนานเหมือนการผ่าตัด
- ไม่ต้องผ่าตัดเปิดแผล ไม่ต้องดูแลแผลช่วงพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- มีความปลอดภัยสูง เพราะใช้ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในผิว
- ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แปลกเตะตาเหมือนอย่างที่หลายคนกลัวเวลาจะเลือกทำหัตถการต่างๆ
- สามารถแก้ไขเพิ่มเติมในภายหลังได้ง่ายกว่าหัตถการอื่นๆ
ฟิลเลอร์แก้มส้มอยู่ได้นานแค่ไหน

หลังฉีดแล้ว ฟิลเลอร์แก้มส้มจะอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน – 2 ปี ซึ่งระยะเวลาก็จะขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย เช่น ยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ การดูแลตัวเองหลังฉีด สภาพร่างกายของแต่ละคน เป็นต้น
ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มอันตรายไหม
การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มโดยทั่วไปแล้วจะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็อาจก่อให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ ได้ชั่วคราว เช่น บวม แดง คัน มีรอยช้ำ รู้สึกปวดตึง และบางรายก็อาจเกิดอาการแพ้ได้
ทั้งนี้ การเลือกแพทย์และคลินิกที่ได้มาตรฐาน จะมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการป้องกันและรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงช่วยป้องกันอันตรายที่เกิดจากแพทย์เถื่อนหรือฟิลเลอร์ปลอม อย่างเช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อนแข็ง ฟิลเลอร์ย้อย ฟิลเลอร์เป็นคลื่น ฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด อักเสบ ติดเชื้อ เป็นต้น
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มอย่างเหมาะสมจะช่วยให้มีความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ซึ่งก็จะมีข้อแนะนำดังนี้
- งดยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อเกล็ดเลือดหรือการแข็งตัวของเลือด เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนฉีด เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน ยาแก้อักเสบกลุ่ม NSAIDs อื่นๆ กระเทียมสกัด โสมสกัด ใบแปะก๊วยสกัด น้ำมันพริมโรส น้ำมันปลา วิตามินอี St. John’s Wort ฯลฯ เพราะอาจทำให้มีปัญหาช้ำง่ายหรือเลือดหยุดไหลยาก
- งดรบกวนชั้นผิวบริเวณที่จะฉีดแก้มส้ม เป็นเวลา 3 วันก่อนฉีด เช่น แว็กซ์ขน ดึงขน โกนขน ขัดผิว ทายาหรือใช้สกินแคร์ผลัดเซลล์ผิว เพราะอาจทำให้ระคายเคืองหรือเสี่ยงเกิดแผล
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ ค็อกเทล สาเก ฯลฯ เพราะจะทำให้เสี่ยงเกิดรอยช้ำง่ายขึ้น
- งดกิจกรรมที่กระตุ้นการสูบฉีดของเลือด อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด เช่น เล่นกีฬา ออกกำลังกาย ทำกิจกรรมผาดโผน อบไอน้ำ ซาวน่า ฯลฯ
- แจ้งข้อมูลทางการแพทย์ให้ครบถ้วน เช่น หัตถการที่เคยทำ โรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา ยาและอาหารเสริมที่ใช้ ฯลฯ เพื่อให้แพทย์สามารถดูแลและให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้องและครอบคลุม
ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม

หลังฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มก็จะมีข้อห้ามและข้อแนะนำในการดูแลตัวเองดังต่อไปนี้
- นอนนิ่งๆ หลังฉีดเสร็จ ประมาณ 5-10 นาที หรือตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อให้ฟิลเลอร์ได้มีช่วงกระจายตัวอย่างเหมาะสม
- รับประทานยาตามที่แพทย์จ่ายอย่างเคร่งครัด เพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงหลังฉีด
- ดูแลร่างกายให้ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ ทั้งจากอาหารและน้ำดื่ม เพราะฟิลเลอร์จะอาศัยการจับกับโมเลกุลน้ำ เพื่อให้อิ่มฟูได้รูปและสามารถคงอยู่ได้ยาวนาน
- งดแต่งหน้า ภายในช่วง 24 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อเลี่ยงการรบกวนฟิลเลอร์
- เลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะด้วยมือหรือสิ่งอื่น ภายในช่วง 2 วันหลังฉีด เพื่อป้องกันปัญหาฟิลเลอร์เคลื่อน
- เลี่ยงการขยับใบหน้าเยอะ เช่น การยิ้มกว้าง อ้าปากกว้าง ภายในช่วง 2 วันหลังฉีด เพื่อเลี่ยงการรบกวนฟิลเลอร์
- เลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ ภายในช่วง 2 วันหลังฉีด เพื่อป้องกันปัญหาฟิลเลอร์เคลื่อน
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ อย่างน้อย 2 วันหลังฉีด เพราะจะทำให้ช้ำง่ายขึ้น และอาจทำให้ขาดสติในการควบคุมดูแลตัวเอง
- งดใช้ยาหรือสกินแคร์ผลัดเซลล์ผิว ภายในช่วง 3 วันหลังฉีด เพราะอาจทำให้ผิวคัน แสบ หรือระคายเคือง
- เลี่ยงไม่ให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์โดนความร้อน เช่น โดนแดด น้ำอุ่น น้ำร้อน ไดร์เป่าผม ซาวน่า ไอจากการทำอาหาร ภายในช่วง 2 สัปดาห์หลังฉีด
- เลี่ยงการแว็กซ์ขนหรือทำหัตถการบริเวณที่ฉีด ภายในช่วง 2 สัปดาห์หลังฉีด หากมีความจำเป็นจริงๆ ให้ปรึกษาแพทย์อย่างถี่ถ้วนเสียก่อน
- อาจประคบเย็นเมื่อมีอาการบวม โดยใช้ Cool Pack หรือถุงน้ำแข็งห่อผ้าสะอาด
ราคาโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
โดยปกติแล้ว ฟิลเลอร์จะคิดราคาเป็นต่อ 1 CC หรือ 1 หลอด หากผู้รับบริการมีปัญหาที่ต้องใช้ฟิลเลอร์เยอะ ราคาก็จะต้องสูงขึ้นตาม โดยจะคิดได้ด้วยการคูณราคาต่อหน่วยเข้าไป เช่น หากราคาฟิลเลอร์อยู่ที่ 15,000 บาทต่อ 1 CC ในกรณีที่ต้องฉีด 3 CC ก็จะคิดเป็นราคาทั้งสิ้น 45,000 บาท
ทั้งนี้ ราคาของการฉีดฟิลเลอร์จะขึ้นอยู่กับหลากหลายองค์ประกอบ ตัวอย่างเช่น
- ฟิลเลอร์ที่ใช้ ฟิลเลอร์จะมีหลายราคาตามแต่คุณสมบัติและคุณภาพ ซึ่งถ้าจะให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย ก็ควรเลือกใช้เฉพาะฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. ผลิตโดยบริษัทที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และมีความเหมาะสมสำหรับแต่ละเคสเท่านั้น
- สถานพยาบาล สถานพยาบาลที่ดีจะต้องสะอาด เรียบร้อย และมีมาตรฐานการดูแลจัดการที่ดี ซึ่งจะมีผลช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและอุบัติเหตุต่างๆ ได้
- เครื่องมืออุปกรณ์ เช่นเดียวกับสถานพยาบาล เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ก็จำเป็นต้องได้รับการกวดขันเรื่องสุขอนามัยและการบำรุงรักษาเพื่อผลลัพธ์และความปลอดภัยที่ดีของผู้รับบริการเช่นกัน
- แพทย์ผู้ฉีดฟิลเลอร์ สิ่งสำคัญที่สุดที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือตัวแพทย์ผู้ฉีดฟิลเลอร์ที่จะต้องมีความรู้และประสบการณ์ที่มากพอ มิเช่นนั้นก็อาจทำให้ผลการรักษาออกมาไม่ดีเท่าที่ควร หรือเสี่ยงเกิดข้อผิดพลาดมากขึ้น
- บุคลากรอื่นๆ นอกจากแพทย์แล้ว บุคลากรอื่นๆ ในสถานพยาบาล เช่น ผู้ช่วยแพทย์ พนักงานฝ่ายทะเบียน พนักงานทำความสะอาด ฯลฯ ก็มีผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยของหัตถการเช่นกัน สถานพยาบาลที่ดีจึงต้องมีการคัดเลือกและฝึกอบรมบุคลากรต่างๆ อย่างเหมาะสม
จะเห็นได้ว่าการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มให้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีจะมีต้นทุนหลายอย่างมาก ทั้งต้นทุนทางตรงและต้นทุนแฝง ด้วยเหตุนี้จึงไม่แนะนำให้เลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์เฉพาะจากราคาถูก เพราะมีโอกาสสูงที่จะพบปัญหาต่างๆ เช่น ฟิลเลอร์ปลอม แพทย์เถื่อน แพทย์ขาดความเชี่ยวชาญ คลินิกไม่ได้มาตรฐาน ฯลฯ ซึ่งในกรณีที่เกิดปัญหากับใบหน้า นอกจากจะต้องเสียเงินเพื่อแก้ไขแล้ว ก็ยังอาจทำให้สูญเสียความมั่นใจและเกิดปัญหาสุขภาพจิตตามมาได้อีกด้วย
ฟิลเลอร์แก้มส้มต้องฉีดกี่ CC
โดยทั่วไปแล้ว ปริมาณที่ใช้สำหรับการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มจะอยู่ที่ 1-2 CC แต่ในบางกรณีก็อาจมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะและความหนักเบาของปัญหา ซึ่งจะต้องให้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นผู้ประเมิน
ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มยี่ห้อไหนดี
ตัวอย่างยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่มีความเหมาะสมในการฉีดแก้มส้มก็อย่างเช่น
- Juvederm Volift ฟิลเลอร์จากสหรัฐอเมริกา มีเนื้อนิ่ม ละเอียด กระจายตัวได้ดี เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาหน้าแก้มตอบเพราะไขมันน้อย ให้ผลลัพธ์ที่ดูเรียบเนียน เป็นธรรมชาติ
- Restylane Volyme ฟิลเลอร์จากประเทศสวีเดน มีเนื้อเจลนิ่ม ช่วยเติมชั้นผิวให้อิ่มฟูดูกระชับ เพิ่มวอลลุ่มให้หน้าแก้มดูอวบอิ่ม
ทั้งนี้ การเลือกยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่จะฉีดก็ควรอิงตามดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นหลัก ซึ่งแพทย์ก็จะประเมินจากลักษณะและความหนักเบาของปัญหา ตลอดจนความต้องการของผู้รับบริการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การฉีดแก้มส้มที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละเคส
รีวิวฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม ที่ Amarante Clinic
Amarante Clinic ภายใต้การดูแลของคุณหมอต้น นพ. สฤษดิ์ ตันติอภิชาต ผู้ได้รับเชิญให้เป็นอาจารย์สอนแพทย์ฉีดฟิลเลอร์ ตำแหน่ง AMI Trainer ประจำประเทศไทย ทางคลินิกใส่ใจทุกรายละเอียดเริ่มตั้งแต่แพทย์ผู้ฉีดฟิลเลอร์ ความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน การให้บริการที่จริงใจ รูปรีวิวไม่บิดเบือนผลการรักษา ตลอดจนการแจ้งราคาก่อนรับบริการอย่างตรงไปตรงมา จนได้รับความไว้วางใจจากผู้รับบริการเป็นจำนวนมาก ทำให้คลินิกมียอดการใช้ฟิลเลอร์ติดอันดับท็อปของประเทศไทยทุกปี











