ปริมาณของฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปใต้ผิวเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อความสวยงาม จึงทำให้หลายคนเกิดคำถามว่าบริเวณที่ฉีดในแต่ละจุดนั้นมีปริมาณเท่าไหร่แล้ว ฟิลเลอร์ 1 cc นั้นมีมากน้อยแค่ไหน มีความเพียงพอหรือไม่สำหรับการแก้ปัญหาตามจุดต่าง ๆ บทความนี้จึงจะมาไขข้อสงสัย พร้อมแนะนำปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
ฟิลเลอร์ 1 cc คืออะไร
ฟิลเลอร์ 1 cc คือ ปริมาณเริ่มต้นสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ สามารถใช้ฉีดเพื่อแก้ไขปัญหาริ้วรอย หรือปรับสัดส่วนของใบหน้าให้ดูสวยงาม
ฟิลเลอร์ 1 cc เท่ากับกี่ ml
บางคลินิกเรียกหน่วยของฟิลเลอร์เป็น cc แต่บางคลินิกก็เรียกเป็น ml. ทำให้หลายคนเกิดความสับสนว่าปริมาณเท่ากันหรือไม่ ซึ่งที่จริงแล้ว ฟิลเลอร์ 1 cc มีปริมาณเท่ากับฟิลเลอร์ 1 ml. ค่ะ สามารถใช้แทนกันหน่วยใดก็ได้ เพราะไม่แตกต่างกัน
ความต่างระหว่าง cc และ ml
cc ย่อมาจาก Cubic Centimeter แปลว่า ลูกบาศก์เซนติเมตร เป็นหน่วยวัดปริมาตรความจุของลูกบาศก์ที่มีขนาดด้านละ 1 ซม. เท่ากันทุกด้าน
ส่วน ml ย่อมาจาก Milliliter หรือ มิลลิลิตร เป็นหน่วยวัดปริมาตรเหมือนกัน นิยมใช้กับของเหลว เพราะปริมาตรของน้ำ 1 ลิตร ที่เท่ากับ 1000 มิลลิลิตร จะมีขนาดประมาณ 10 x 10 x 10 cc. ซึ่งก็เท่ากับ 1000 cc นั่นเอง
ฟิลเลอร์ 1 หลอด มีกี่ cc
ฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อจะบรรจุมาเป็นหลอด โดยแต่ละหลอดจะมีปริมาณฟิลเลอร์ 1 cc ซึ่งทั่วไปจะมาพร้อมเข็มไซริงค์ที่ให้ปริมาณฟิลเลอร์ 1 cc พอดี อีกทั้งการฉีดจุดใดจุดหนึ่งบนใบหน้า ไม่จำเป็นต้องฉีดทั้งหมดหลอด เพราะสามารถแบ่งฉีดได้ เช่น ใต้ตา 2 ข้างต่อฟิลเลอร์ 1 cc เป็นต้น
ปริมาณฟิลเลอร์ 1 cc เยอะหรือน้อย เพียงพอต่อการฉีดไหม
ปริมาณฟิลเลอร์ 1 cc อาจจะดูน้อย แต่ทั่วไปการฉีดฟิลเลอร์แต่ละจุดก็ใช้ประมาณ 1-3 cc เท่านั้น เพียงแต่เมื่อต้องฉีด 2 ข้างจึงอาจดูเยอะ เช่น ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาข้างละ 2 cc ก็เท่ากับฉีดทั้งหมด 4 cc
ส่วนคำถามที่ว่า ฉีดฟิลเลอร์ 1 cc เพียงพอหรือไม่? จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งอายุ สภาพผิว ปัญหา และตำแหน่งที่ฉีด เช่น คนอายุน้อย มีริ้วรอยไม่มาก ปริมาณฟิลเลอร์ 1 cc ก็เพียงพอที่จะช่วยแก้ปัญหาและให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แต่หากผู้ใช้บริการมีอายุมากหรือมีปัญหารุนแรง อาจต้องเพิ่มปริมาณมากขึ้น ทั้งนี้ควรให้แพทย์เป็นผู้ประเมินและให้คำแนะนำตามเหมาะสมค่ะ
เปรียบเทียบปริมาณ 1 cc กับ 0.5 cc และ 2 cc
ปริมาณฟิลเลอร์ 1 cc มีความเพียงพอสำหรับการฉีดบริเวณปาก ทำให้ปากดูอวบอิ่ม ริมฝีปากเนียนสวย ชุ่มชื้น แต่บางคนอยากได้ปากเซ็กซี่ หรือปากที่เต่งตึงขึ้น จึงจำเป็นต้องเพิ่มปริมาณเป็น 2 cc แต่ในทางตรงกันข้าม หากคนที่มีปัญหาปากแห้งแตก ลอก สามารถฉีดแค่ 0.5 cc ได้เช่นกัน หรือสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินปริมาณการฉีดฟิลเลอร์ให้เหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
ฉีดฟิลเลอร์ 1 cc เห็นผลชัดเพียงพอไหม?
ฉีดฟิลเลอร์ 1 cc จะให้ผลลัพธ์ชัดเจนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหา และบริเวณที่ฉีด เช่น บริเวณปากที่มีพื้นที่ไม่มาก การฉีดฟิลเลอร์ 1 cc ก็สามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน
แต่หากนำฟิลเลอร์ 1 cc ไปฉีดที่ร่องแก้ม 2 ข้าง จะต้องแบ่งฉีดข้างละ 0.5 cc ซึ่งเป็นปริมาณที่น้อยมาก ยิ่งถ้ามีปัญหาร่องแก้มลึก จะทำให้เห็นผลลัพธ์ได้น้อยลงไปอีก ซึ่งหากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน ควรเลือกฉีดบริเวณที่มีพื้นที่ไม่มาก แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่กระจายตัวทั่วบริเวณที่กว้าง ฟิลเลอร์ 1 cc อาจไม่เพียงพอ จึงต้องเพิ่มปริมาณฟิลเลอร์ให้เหมาะสมค่ะ
ฟิลเลอร์ 1 cc เหมาะสำหรับฉีดบริเวณไหนบ้าง
ฟิลเลอร์ 1 cc สามารถฉีดได้หลายจุดทั่วใบหน้า เช่น
ฟิลเลอร์ปาก 1 cc
การปรับรูปทรงปากนิยมใช้ฟิลเลอร์ 1 cc เพราะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ปากดูอวบอิ่มสวยงาม แก้ปัญหาปากบาง ปากไม่เท่ากัน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น แต่หากต้องการปากเซ็กซี่ ที่มีลักษณะหนาและอวบอิ่ม อาจเพิ่มปริมาณฟิลเลอร์ 1 cc เป็น 2 cc ได้เช่นกัน
ฟิลเลอร์ใต้ตา 1 cc
สำหรับคนที่มีปัญหาร่องใต้ตา ถุงใต้ตาหย่อนคล้อย ใต้ตาดำคล้ำ สามารถแก้ปัญหาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ 1 cc ต่อข้าง หรือมากสุดคือ 2 cc เพราะหากฉีดมากเกินไปจะทำให้ใต้ตาเป็นก้อน เวลายิ้มจะดูไม่เป็นธรรมชาติค่ะ
ฟิลเลอร์คาง 1 cc
การฉีดฟิลเลอร์คางนิยมใช้ฟิลเลอร์ 1 cc หรืออย่างมากไม่เกิน 2 cc ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอสำหรับการเปลี่ยนแปลง และช่วยให้คางจะไม่ยาวเกินไป หรือย้อยมากองรวมกันเป็นก้อน ช่วยให้ใบหน้าโดยรวมมีความเรียวขึ้น
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม 1 cc
ฟิลเลอร์ 1 cc สำหรับร่องแก้มอาจะไม่เพียงพอ เพราะทั่วไปแล้วอาจใช้ประมาณ 2 cc ขึ้นไป เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึกข้างแก้ม ทำให้ใบหน้าอิ่มฟู แต่หากมีปัญหาร่องแก้มลึกรุนแรง หรืออายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป อาจต้องเพิ่มปริมาณเป็น 3-4 cc ถึงเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
ฟิลเลอร์หน้าผาก 1 cc
การฉีดฟิลเลอร์ 1 cc สำหรับหน้าผาก เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาริ้วรอยเล็กน้อย หน้าผากแบนไม่มาก แต่หากต้องการให้หน้าผากดูนูนมากขึ้น ฟิลเลอร์ 1 cc อาจไม่เพียงพอ ต้องใช้ฟิลเลอร์ 3-5 cc แต่ทั้งนี้ไม่ควรฉีดเกิน 5 cc เพราะอาจไปกดทับเนื้อเยื่อ และทำให้เกิดอาการบวมรอบดวงตาได้
ปริมาณ cc ฟิลเลอร์ ที่เหมาะกับแต่ละบริเวณ
โดยเฉลี่ยปริมาณของการฉีดฟิลเลอร์ที่เหมาะสำหรับการฉีดในแต่ละบริเวณ มีดังนี้
- ฟิลเลอร์หน้าผาก 1-5 cc
- ฟิลเลอร์จมูก 1 cc
- ฟิลเลอร์คาง 1-2 cc
- ฟิลเลอร์ปาก 1-2 cc
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม 1-2 cc
- ฟิลเลอร์ร่องน้ำหมาก 1-2 cc
- ฟิลเลอร์แก้มส้ม 1-2 cc
- ฟิลเลอร์ใต้ตา 2-4 cc
- ฟิลเลอร์ขมับ 2-4 cc
ฉีดฟิลเลอร์ 1 cc สำหรับหน้าผากที่กล่าวนั้น เป็นปริมาณโดยเฉลี่ยเท่านั้น ซึ่งปริมาณที่แท้จริง ควรพิจารณาจากสภาพปัญหาของแต่ละบุคคลและความเห็นของแพทย์ผู้มีฝีมือ
ความต่างของเนื้อฟิลเลอร์แต่ละประเภท
แม้ฟิลเลอร์จะเป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิกเหมือนกัน แต่กระบวนการผลิต และเทคโนโลยีที่ใช้ แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น มีคุณสมบัติที่ต่างกัน ซึ่งสามารถแบ่งตามลักษณะของเนื้อฟิลเลอร์ได้ 3 ประเภท ดังนี้
ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม
ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ลักษณะเป็นเจลไม่เป็นก้อน ให้การคงรูปต่ำ เหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ 1 cc ในชั้นไขมัน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น หรือฉีดบริเวณผิวที่บางหากต้องการความเป็นธรรมชาติ เช่น ใต้ตา ริมฝีปาก ตัวอย่างฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เช่น ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Vobella ฟิลเลอร์ Restylane รุ่น Vital light
ฟิลเลอร์เนื้อแน่น
ฟิลเลอร์เนื้อแน่น หรือฟิลเลอร์เนื้อกลาง คล้ายกับแบบนิ่มแต่คงตัวได้ดี มีความยืดหยุ่นมากกว่า และสามารถฉีดฟิลเลอร์ 1 cc ได้หลายบริเวณ ไม่ว่าจะเป็นหน้าผาก ปาก ขมับ แก้ม ช่วยให้ใบหน้าดูละมุนนุ่มนวล ฉีดออกมาแล้วทำให้ผลลัพธ์ดูเนียนเป็นธรรมชาติ ตัวอย่างฟิลเลอร์เนื้อกลาง เช่น ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Ultra Plus XC, ฟิลเลอร์ Restylane รุ่น Volyme
ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง
ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความหนาแน่นที่สุด คงตัวดี และมีความยืดหยุ่น สามารถปั้นทรงขึ้นรูปได้ดี เหมาะสำหรับฉีดเสริมจมูก เสริมคาง หรือฉีดหน้าแก้มเพื่อแก้ปัญหากระดูกยุบตัว ฉีดสันกรามให้กรอบหน้าชัด ตัวอย่างฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เช่น ฟิลเลอร์ Restylane รุ่น Perlane Lift, ฟิลเลอร์ Juvederm Voluma และ Volux
ฟิลเลอร์ 1 cc ราคาเท่าไร เทียบราคาแต่ละแบรนด์
ราคาฟิลเลอร์ 1 cc เป็นราคาเฉลี่ยโดยประมาณ ซึ่งอยู่ที่ 12,000 – 14,000 บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ และมาตรฐานของแต่ละคลินิก
เปรียบเทียบราคาฟิลเลอร์ 1 cc ของแบรนด์ต่าง ๆ
ยี่ห้อฟิลเลอร์ |
ช่วงราคาประมาณ (บาท) |
ระยะเวลาที่อยู่ได้ (เดือน) |
Juvederm |
12,000 – 20,000 |
12 – 18 |
Restylane |
12,000 – 16,000 |
12 – 18 |
Belotero |
12,000 – 16,000 |
6 – 18 |
ราคาฟิลเลอร์ 1 cc ดังกล่าวยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะมาตรฐานและชื่อเสียงของแต่ละคลินิกด้วย ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีฝีมือเป็นหลัก นอกเหนือจากการพิจารณาราคาอย่างเดียวค่ะ
ฟิลเลอร์ 1 cc อยู่ได้นานแค่ไหน
ฟิลเลอร์ 1 cc อยู่ได้ประมาณ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ ตำแหน่งที่ฉีด รวมถึงการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
แต่การฉีดฟิลเลอร์ครั้งเดียวในปริมาณมาก ไม่ได้ทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น แต่กลับทำให้ผลลัพธ์ดูไม่สวยงาม เพราะสุดท้ายแล้วฟิลเลอร์จะสลายในเวลาเท่าเดิม หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีและคงอยู่นาน แนะนำเลือกฟิลเลอร์ 1 cc จากแบรนด์ที่มีคุณภาพ ฉีดกับแพทย์ที่มีฝีมือ และควรปฏิบัติตามคำแนะนำการดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้สามารถปรึกษาแพทย์ถึงความถี่ในการฉีดซ้ำที่เหมาะสม เพื่อคงผลลัพธ์ที่ดีและไม่อันตราย
คำถามที่พบบ่อย ฟิลเลอร์ 1 cc
ฉีดฟิลเลอร์ 1 cc เจ็บไหม มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
รู้สึกเจ็บบ้างแต่ก็อยู่ในระดับที่ทนไหว เพราะก่อนฉีดฟิลเลอร์แพทย์จะมีการฉีดหรือแปะยาชาให้ หรือฟิลเลอร์ 1 cc บางยี่ห้อจะมีส่วนผสมของยาชา แต่หลังยาชาหมดฤทธิ์ อาจมีอาการปวดระบมได้เล็กน้อย ซึ่งสามารถทานยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการได้
นอกจากนี้ หลังฉีดฟิลเลอร์ 1 cc อาจมีผลข้างเคียงอื่น ๆ เช่น รอยแดง รอยช้ำ อาการบวม แต่ไม่เป็นอันตราย เพราะอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน และสามารถหายเองได้ใน 2 สัปดาห์ หรือหากมีอาการแพ้รุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อป้องกันและแก้ไขผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น
หลังฉีดฟิลเลอร์ 1 cc ต้องพักฟื้นนานแค่ไหน มีข้อควรปฏิบัติอย่างไร?
ฟิลเลอร์ 1 cc หากฉีดแล้วไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ในช่วง 2-3 วันแรกอาจมีอาการบวมเล็กน้อย หรือเจ็บบริเวณที่ฉีด แต่อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 2 สัปดาห์ ระหว่างนี้ควรมีการดูแลตัวเอง ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส กด บีบ นวด บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
- นอนหมอนสูงในช่วง 2-3 วันแรก หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ เพื่อป้องกันการกดทับ
- อยู่ในที่อากาศเย็น พยายามหลีกเลี่ยงความร้อน เช่น ตากแดด อบไอน้ำ ซาวน่า ออกกำลังกายหนักๆ หรือนั่งทานอาหารหน้าเตา
- งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- งดอาหารทะเล อาหารหมักดอง อาหารดิบ
- งดทำเลเซอร์ร้อนลงผิวชั้นลึก 1 เดือน
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพราะฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ จะช่วยให้ฟิลเลอร์อิ่มฟู และอยู่ได้นาน
สามารถฉีดฟิลเลอร์ 1 cc ซ้ำได้บ่อยแค่ไหน?
การฉีดฟิลเลอร์ 1 cc ซ้ำไม่เป็นอันตราย สามารถเติมได้เรื่อย ๆ แต่ควรเว้นระยะห่างแต่ละครั้งอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ จะช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่นาน แนะนำไม่ควรตัดสินใจเร็วเกินไป เพราะบางครั้งอาจต้องใช้เวลาสักระยะให้ฟิลเลอร์เข้าที่และอาการบวมยุบลงก่อน
ควรเลือกฟิลเลอร์ชนิดไหน? เมื่อต้องการฉีด 1 cc
การเลือกชนิดของฟิลเลอร์ 1 cc ควรพิจารณาจากบริเวณที่ฉีดเป็นหลัก เช่น หากฉีดบริเวณปาก หรือใต้ตา ควรเลือกฟิลเลอร์ชนิดเนื้อนิ่ม จะดูเป็นธรรมชาติ แต่หากฉีดจมูกหรือคาง ควรเลือกฟิลเลอร์ชนิดแข็ง จะปั้นทรงได้ดีกว่า
ฉีดฟิลเลอร์ 1 cc เห็นผลทันทีหรือไม่? รอนานแค่ไหน
หลังฉีดฟิลเลอร์ 1 cc สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที เพียงแต่ช่วงนี้จะยังมีอาการบวมอยู่ ทำให้เห็นผลไม่ชัดเจน แต่บางคนชอบเพราะผิวฟู ซึ่งผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อรอให้ฟิลเลอร์เข้าที่
ฟิลเลอร์ 1 cc เหมาะสำหรับผู้ที่อายุเท่าไร
การฉีดฟิลเลอร์ 1 cc เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่มาก แนะนำสำหรับผู้ที่มีอายุ 18-30 ปี ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน และควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคลินิก ใบรับรองของแพทย์ และที่มาของฟิลเลอร์ก่อนตัดสินใจ เพื่อลดความเสี่ยงจากการได้รับฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
การฉีดฟิลเลอร์ 1 cc สามารถทำควบคู่กับทรีตเมนต์อื่น ๆ ได้ไหม?
หลังฉีดฟิลเลอร์ 1 cc ควรเว้นระยะในการทำหัตถการอื่น ๆ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือสามารถปรึกษาแพทย์ก่อนทำ ส่วนหัตถการที่ทำร่วมกันแล้วจะช่วยให้ผลลัพธ์ที่ดี เช่น โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์, โปรแกรม Hifu, โปรแกรม Ulthera, โปรแกรม Thermage หรือทรีตเมนต์บำรุงผิวต่าง ๆ
ไม่พอใจผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ 1 cc แก้ไขได้อย่างไร?
หากไม่พอใจในผลลัพธ์ สามารถแก้ไขด้วยการฉีดสลายฟิลเลอร์ โดยแพทย์จะทำการฉีดเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ทำให้ฟิลเลอร์จะค่อย ๆ ยุบและสลายภายใน 5-7 วัน ทั้งนี้ การฉีดสลายฟิลเลอร์ 1 cc ก็สามารถทำได้ แต่จะแก้ไขได้เฉพาะคนที่ฉีดฟิลเลอร์แท้เท่านั้น หากฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับการรองรับจากอย. จะไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้ จึงจำเป็นต้องขูดฟิลเลอร์ออก
สรุป
สรุปแล้วการฉีด ฟิลเลอร์ 1 cc เพียงพอสำหรับการแก้ไขริ้วรอย และปรับผิวหน้าให้ดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยเล็กน้อย หรือผู้ที่ต้องการปรับสัดส่วนบนใบหน้าให้สมดุล
ซึ่งฟิลเลอร์ 1 cc สามารถฉีดได้หลายจุด เช่น คาง ปาก ร่องแก้ม หรือหน้าผาก แต่หากมีปัญหาเยอะ อาจต้องเพิ่มปริมาณจากฟิลเลอร์ 1 cc เป็นฟิลเลอร์ที่มีปริมาณมากขึ้น ทั้งนี้ การประเมินโดยแพทย์ผู้มีฝีมือมีความสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและไม่อันตรายสำหรับผู้ใช้บริการแต่ละคน และไม่ควรตัดสินใจฉีดด้วยตัวเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ค่ะ