จะทำอย่างไรดี เมื่อปัญหา “ใต้ตาบวม” กลายมาเป็นปัญหาที่มากกว่าแค่ในเรื่องของความงาม? โดยปัญหาใต้ตาที่ดูบวมและคล้ำกว่าปกตินี้ เป็นปัญหาที่ใครหลายคนกังวล เพราะทำให้ใบหน้าของเราดูเหนื่อยล้าและไม่สดใส ซึ่งปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากความเหนื่อยล้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลากหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดถุงใต้ตาบวมได้ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ปัญหาถุงใต้ตาของเราเกิดจากอะไร และควรแก้ไขอย่างไรดีเพื่อให้ใบหน้ากลับมาดูสดใสเหมือนเดิม ในบทความนี้เราจะมาหาคำตอบไปด้วยกัน
สาระสำคัญของถุงใต้ตาบวมเกิดจากสาเหตุใด และรักษาอย่างไร
- สาเหตุของการเกิดถุงใต้ตาบวม เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ อายุที่มากขึ้น และพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การอดนอนหรือทานอาหารรสเค็มจัด เป็นต้น
- การรักษาถุงใต้ตาบวมมีหลายวิธี มีทั้งวิธีธรรมชาติ เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หรือรักษาด้วยหัตถการทางการแพทย์ เช่น โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และศัลยกรรมผ่าตัดถุงใต้ตา ดังนั้น ก่อนรักษาจึงควรเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ก่อน เพื่อประเมินว่าปัญหาของเราควรรักษาด้วยวิธีไหนถึงจะเหมาะสม และเห็นผลดีมากกว่ากัน
- สำหรับการรักษาด้วยหัตถการทางการแพทย์ ควรเลือกทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และมีความรู้อย่างแท้จริงเท่านั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ปัญหาฉีดฟิลเลอร์และเป็นก้อน หรือความเสี่ยงของการติดเชื้อหลังการผ่าตัด
- การดูแลตัวเองหลังจากทำหัตถการเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ได้ ดังนั้น จึงควรศึกษาข้อควรระวัง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเหมาะสม
ใต้ตาบวมคืออะไร?
หลาย ๆ คนอาจจะเคยมีประสบการณ์ที่เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า ใต้ตาบวม หรือคล้ำจนทำให้ใบหน้าโดยรวมดูไม่สดชื่น ซึ่งเป็นปัญหาที่เราเรียกกันว่า “ถุงใต้ตาบวม” ที่เกิดจากการที่เนื้อเยื่อ หรือไขมันบริเวณใต้ตา เกิดการสะสมหรือเกิดความหย่อนคล้อยจนทำให้ผิวใต้ตาดูโป่งพอง ไม่เรียบเนียน และมักจะมีรอบคล้ำร่วมด้วย โดยปัญหาใต้ตาบวมที่เราเจอบ่อย ๆ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
- ถุงใต้ตาบวมแบบชั่วคราว : เป็นปัญหาใต้ตาบวมที่เกิดขึ้นแบบชั่วคราว มักจะเกิดจากพฤติกรรมที่เราทำเป็นประจำ เช่น อดนอน ดื่มแอลกอฮอล์หนัก กินอาหารรสเค็มจัด หรือร้องไห้หนัก ๆ จนทำให้ร่างกายมีน้ำคั่งอยู่ใต้ตา และอาการนี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นเองเมื่อพักผ่อนร่างกายอย่างเพียงพอ หรือมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ถุงใต้ตาบวมแบบถาวร : เป็นปัญหาใต้ตาบวมที่มักมีสาเหตุเกิดมาจากกรรมพันธุ์ หรือเมื่ออายุของเราเพิ่มขึ้น เพราะเมื่ออายุมากขึ้นผิวหนังก็จะเริ่มหย่อนคล้อย และไขมันที่เคยอยู่บริเวณนั้นก็จะเคลื่อนลงมากองรวมกัน จนทำให้เกิดเป็นปัญหาถุงใต้ตาที่เห็นได้ชัดเจน ซึ่งประเภทนี้ไม่สามารถแก้ไขในระยะยาวได้ด้วยการนอนหลับที่เพียงพอ หรือการบำรุงด้วยครีมต่าง ๆ
ปัญหาถุงใต้ตาบวมเกิดจากสาเหตุใด

เชื่อว่าหลายคนคงเคยร้องไห้จนตาบวมมาก่อน ซึ่งการร้องไห้ไม่ใช่แค่สาเหตุเดียวที่ทำให้ใต้ตาบวม แต่ความจริงแล้ว ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดถุงใต้ตาปูดบวมขึ้นมา โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ถุงใต้ตาแท้และถุงใต้ตาเทียม
ถุงใต้ตาแท้
เป็นลักษณะของถุงไขมันที่โป่งนูนออก ไม่สามารถหายไปเองได้ โดยส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจาก
- พันธุกรรม เนื่องจากต่อมไร้ท่อทำงานผิดปกติ ทำให้ไขมันและของเหลวมาสะสมบริเวณถุงใต้ตามากเกินไป
- อายุที่มากขึ้น เนื่องจากพังผืดที่กั้นเบ้าตาจะค่อยๆ เสื่อมสภาพลง ทำให้ไขมันและของเหลวปูดบวมออกมาเป็นก้อน
ถุงใต้ตาเทียม
เป็นลักษณะถุงใต้ตาบวม ที่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน อาการแพ้ต่างๆ หรือโรคบางชนิด ซึ่งสามารถหายได้ หากเราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือทำการรักษา
- พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ได้แก่ นอนหลับไม่เพียงพอ ความเครียด ดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารรสเค็มจัดหรือหวานจัด ขยี้ตา ร้องไห้หนัก เป็นต้น
- อาการแพ้ ได้แก่ แพ้อากาศ แพ้เกสรดอกไม้ แพ้ฝุ่นควัน เป็นต้น
- โรคที่อาจทำให้เกิดถุงใต้ตาบวม ได้แก่ โรคตาไทรอยด์ โรคมะเร็งตา เป็นต้น
ใต้ตาบวมข้างเดียวเกิดจากอะไร?
ในบางคนอาจมีอาการตาบวมข้างเดียว ซึ่งมีสาเหตุต่างจากคนที่มีถุงใต้ตาบวมทั้งสองข้าง เพราะส่วนมากมักมาจากการติดเชื้อที่ตา และอาจก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา เช่น เยื่อบุตาอักเสบ ตากุ้งยิง ชาลาซิออน เป็นต้น ทั้งนี้ในช่วงแรก จะมีอาการบวมบริเวณถุงใต้ตาข้างใดข้างหนึ่งก่อน หลังจากนั้นจึงลามไปอีกข้างหนึ่ง
วิธีรักษาถุงใต้ตาบวมมีวิธีไหนบ้าง

ปัญหาถุงใต้ตาบวม เป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ไม่ยาก ถ้าหากเราเลือกวิธีในการรักษาที่เหมาะสมกับสาเหตุที่แท้จริงของตัวเอง เช่น บางครั้งปัญหาอาจจะเกิดจากพฤติกรรมของเรา ก็รักษาด้วยการปรับพฤติกรรม แต่ถ้าเป็นปัญหาที่เกิดจากพันธุกรรมหรืออายุที่เพิ่มขึ้น อาจจะต้องใช้วิธีรักษาทางการแพทย์ ที่จะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนมากกว่า เป็นต้น โดยวิธีในการรักษาทั่วไปแล้วจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบหลัก ๆ ดังนี้
รักษาถุงใต้ตาบวม ด้วยวิธีธรรมชาติ และการปรับพฤติกรรม
วิธีนี้จะเหมาะกับคนที่มีปัญหาใต้ตาบวมไม่มาก หรือเป็นแบบชั่วคราว เช่น เกิดจากการอดนอน ดื่มน้ำน้อย หรือร้องไห้หนักมาก ๆ โดยมีวิธีในการดูแลตัวเอง ดังนี้
- ประคบเย็น เป็นวิธีที่ลดอาการถุงใต้ตาบวมที่ทำได้ง่ายมาก ๆ โดยใช้ผ้าเย็นหรือเจลเย็นก็ได้ นำมาประคบบริเวณใต้ตา แล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที เท่านี้ก็ลดอาการบวมได้แล้ว
- ใช้ถุงชา โดยนำถุงชาที่ยังอุ่นๆ อยู่มาประคบบริเวณเปลือกตาหรือใต้ตาทั้งสองข้าง แล้วปล่อยทิ้งไว้ 5 – 10 นาที เนื่องจากชามีสารแทนนินที่สามารถลดอาการบวมได้
- นอนหลับให้เพียงพอ ส่วนใหญ่แล้วคนที่มีอาการตาบวม ใต้ตาคล้ำ มักเป็นเพราะนอนหลับน้อยเกินไป ดังนั้นการเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนจะช่วยบรรเทาอาการบวมใต้ตาได้ โดยควรนอนให้ได้อย่างน้อย 8 – 10 ชั่วโมงต่อวัน
- พยายามลดทานอาหารเค็มจัด เพราะโซเดียมจะทำให้ร่างกายบวมน้ำและเกิดปัญหาใต้ตาบวมได้
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายขับของเสียได้ดีขึ้น และช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
- ใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนหรือเปปไทด์ เพราะสารเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและทำให้ผิวใต้ตาดูกระชับขึ้นได้
แม้จะช่วยบรรเทาอาการใต้ตาบวมลงได้ แต่ต้องบอกก่อนว่า วิธีเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาที่เกิดจากไขมันสะสมหรือผิวหนังหย่อนคล้อยตามวัยได้
รักษาถุงใต้ตาบวม ด้วยหัตถการทางการแพทย์
วิธีนี้จะเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาถุงใต้ตาบวมจากกรรมพันธุ์ จากอายุที่มากขึ้น หรือใช้วิธีธรรมชาติแล้วไม่ได้ผล การปรึกษาแพทย์เพื่อทำหัตถการจะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่า เพราะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากกว่า โดยมีหัตถการแนะนำสำหรับการแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาบวม ดังนี้
เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคนที่มีถุงใต้ตาขนาดใหญ่ ที่เกิดจากการสะสมของไขมันมาก หรือมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่ชัดเจน รวมถึงมีปัญหาเบ้าตาลึก ตาโหลก็เหมาะสมเช่นกัน โดยวิธีนี้แพทย์จะทำการผ่าตัดเล็กเพื่อนำไขมันส่วนเกินออก และทำการจัดเรียงชั้นผิวใต้ตาใหม่ให้กลับมาเรียบตึงอีกครั้ง วิธีนี้จะให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้ยาวนาน และถือเป็นการแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาในระยะยาวที่ดีมาก ๆ ได้ผลลัพธ์ผิวใต้ตาเต่งตึงเรียบเนียน รอยบวมบริเวณใต้ตาตื้นขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูเด็ก สดใส และอิ่มฟูอีกครั้ง
เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาร่องใต้ตาลึก หรือมีปัญหาถุงใต้ตาบวมที่ไม่มากเท่าไร โดยแพทย์จะเลือกใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) ฉีดเข้าไปในบริเวณที่ยุบตัวและหย่อนคล้อยลง เพื่อเติมเต็มให้ผิวดูเรียบเนียนมากขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6 – 12 เดือน (ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และการดูแลตัวเองหลังทำ) โดยฟิลเลอร์นั้นจะมีคุณสมบัติที่มีความอุ้มน้ำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวใต้ตากลับมาเต่งตึงและเรียบเนียนอีกครั้ง
แก้ไขปัญหาถุงใต้ตาบวมศัลยกรรมผ่าตัดถุงใต้ตาและฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ Amarante Clinic

สำหรับใครที่กังวลเกี่ยวกับปัญหาถุงใต้ตาบวมที่ทำให้ดวงตาดูเหนื่อย ไม่สดใส ดูมีอายุ แต่ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรดี? ติดต่อหาเราเพื่อบอกลาถุงใต้ตา คืนความสดใสให้ดวงตาได้เลยที่ Amarante Clinic! เราพร้อมที่จะเป็นเพื่อนคู่คิดที่ช่วยแก้ปัญหานี้ให้คุณแบบครอบคลุมด้วยหลายวิธีที่เหมาะกับแต่ละคน คุณจะได้พูดคุยปรึกษากับคุณหมอที่มีประสบการณ์ยาวนาน เพื่อช่วยวิเคราะห์ว่า ปัญหาถุงใต้ตาของคุณเกิดจากอะไร เพื่อแนะนำวิธีการรักษาที่ใช่สำหรับคุณ ไม่ว่าจะเป็น
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาร่องลึก ใต้ตาคล้ำ ที่ทำให้ใบหน้าดูโทรม เพื่อช่วยเติมเต็มผิวให้ดูเรียบเนียนมากขึ้น
- ศัลยกรรมผ่าตัดถุงใต้ตา ที่เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาถุงใต้ตาบวม เบ้าตาลึกโหล ที่มาจากไขมันใต้ตาที่เยอะเกินไป วิธีนี้จะช่วยเอาไขมันส่วนเกินออกไป เพื่อช่วยให้ใต้ตาดูเรียบเนียน สวยแบบเป็นธรรมชาติ
ทีมแพทย์ของเราจะดูแลคุณอย่างดีในทุกขั้นตอน พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีในการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมามีประสิทธิภาพ ออกมาเป็นธรรมชาติ ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนเยาว์ลง และไม่เป็นอันตราย มั่นใจในทุกขั้นตอน
ข้อควรระวังในการรักษาถุงใต้ตาบวม อันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้
และไม่ว่าจะเห็นหัตถการไหน ก็ย่อมมีความเสี่ยง และข้อควรระวังที่ควรรู้เอาไว้ก่อนที่จะตัดสินใจ เพื่อให้การรักษาถุงใต้ตาบวมเป็นไปด้วยดี ได้ผลลัพธ์ที่ดี และไม่เป็นอันตราย และไม่ว่าจะเลือกรักษาด้วยวิธีไหน สิ่งสำคัญก็คือการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี โดยเรามีคำแนะนำในการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี ดังนี้
คำแนะนำสำหรับผู้ที่รักษาถุงใต้ตาบวม ด้วยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมาก ๆ เพราะทำได้ง่าย และเห็นผลได้เร็ว แต่ถ้าหากทำโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ก็อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ เช่น
- เกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน หากแพทย์ฉีดไม่ถูกตำแหน่ง หรือฉีดในปริมาณที่ไม่เหมาะสม
- เกิดรอยช้ำและอาการบวม ที่เป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นได้หลังฉีดฟิลเลอร์
- ปัญหาการอุดตันเส้นเลือด ซึ่งเป็นอันตรายที่ร้ายแรงถ้าหากฟิลเลอร์เข้าไปอุดตันในเส้นเลือดบริเวณใต้ตา ซึ่งอาจส่งผลให้ตาบอดได้
ข้อควรระวังและการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ห้ามนวดหรือกดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ หรือเสียรูปทรงได้
- งดแต่งหน้าในวันแรกที่ทำ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และไม่ไปรบกวนบริเวณที่ฉีด
- หลีกเลี่ยงความร้อน และแสงแดดจัด เพราะความร้อนอาจส่งผลต่อฟิลเลอร์ได้
- งดดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ เพราะจะส่งผลต่อการบวมและทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน
คำแนะนำสำหรับผู้ที่รักษาถุงใต้ตาบวม ด้วยศัลยกรรมผ่าตัดถุงใต้ตา
ศัลยกรรมผ่าตัดถุงใต้ตา เป็นวิธีการแก้ปัญหาถุงใต้ตาบวมที่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว แต่เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นหัตถการผ่าตัด ก็ทำให้วิธีนี้มีความเสี่ยงบางอย่างที่ต้องตัดสินใจให้ดี เช่น
- รอยแผลเป็นที่อาจมองเห็นได้ชัดเจน ถ้าหากไม่มีการดูแลแผลอย่างถูกต้อง
- อาการตาแห้งหรือตาปรือในระยะสั้นหลังจากผ่าตัด แต่ในบางรายอาจเป็นได้นานกว่า ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่ต้องระวัง
- การติดเชื้อจากแผล ที่อาจเกิดขึ้นเมื่ออุปกรณ์ที่ใช้ในหัตถการไม่มีความสะอาดมากพอ หรือมีการดูแลหลังผ่าตัดที่ไม่ดี จนทำให้เกิดการติดเชื้อได้
ข้อควรระวังและการดูแลตัวเองหลังฉีดศัลยกรรมผ่าตัดถุงใต้ตา
- ดูแลความสะอาดของแผลผ่าตัดตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม โดยเฉพาะในช่วง 2 – 3 วันแรก เพื่อลดอาการบวมและรอยช้ำ
- งดกิจกรรมที่ต้องใช้สายตามาก เช่น งดอ่านหนังสือหรือดูโทรศัพท์เป็นเวลานาน เพื่อให้ดวงตาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
- หลีกเลี่ยงการให้แผลโดนน้ำ และใช้ผ้าสะอาดเช็ดทำความสะอาดใบหน้าแทนการล้างหน้า
- งดทานอาหารรสเค็ม และอาหารทะเลในช่วงแรก เพื่อป้องกันอาการบวม และลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้
สำหรับผู้ที่สนใจรักษาใต้ตาบวมด้วยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและศัลยกรรมผ่าตัดถุงใต้ตาที่ Amarante Clinic
ที่ Amarante Clinic เข้าใจถึงความกังวลเรื่องของปัญหาถุงใต้ตาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นถุงใต้ตาที่เกิดจากไขมันสะสมหรือร่องลึกใต้ตาที่ทำให้ใบหน้าของเราดูเหนื่อยล้า หรือดูมีอายุเกินจริง เรามีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ยาวนานพร้อมให้คำปรึกษา และวิเคราะห์ปัญหาอย่างละเอียด เพื่อออกแบบวิธีในการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล และตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อเติมเต็มร่องลึกให้ผิวใต้ตากลับมาเรียบเนียน หรือศัลยกรรมผ่าตัดถุงใต้ตา เพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณใต้ตาออกอย่างถาวร ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและได้มาตรฐาน ดูแลหัตถการผ่านห้องหัตถการที่สะอาด สวยงาม ทั้งหมดนี้ เพื่อให้ทุกท่านมั่นใจว่า จะได้รับผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ และกลับมามีดวงตาที่สดใสอีกครั้ง หากสนใจสามารถสอบถามข้อมูลหรือดูรีวิวเพิ่มเติมได้ภายในเว็บไซต์ หรือปรึกษาปัญหาเบื้องต้นได้ตามช่องทางด้านล่างนี้