
Radiesse สารเติมเต็มบำรุงอย่างล้ำลึก ฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดี
สารบัญ Radiesse
เมื่ออายุมากขึ้น โครงสร้างผิวหนังโดยเฉพาะชั้นหนังแท้เริ่มสูญเสียองค์ประกอบสำคัญในการสร้างความแข็งแรงของผิว ได้แก่ สารน้ำหล่อเลี้ยงผิว, คอลลาเจน type 1 และ คอลลาเจน type 3, อีลาสติน , รวมทั้งสารอาหารที่หล่อเลี้ยงผิว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญ รวมทั้งความกระชับ และความยืดหยุ่นของผิวหนัง เมื่อโครงสร้างผิวไม่แข็งแรง ผิวจึงเกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย ทำให้ดูมีอายุตามมา ดังนั้นถ้าอยากให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น ใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากขึ้น ต้องมีการฟื้นฟูชั้นผิวหนัง ที่ลดลงไปตามธรรมชาติให้มีมากขึ้น ด้วยโปรแกรม Radiesse
Radiesse คืออะไร

Radiesse คือ สารเติมเต็มผิวหนัง ที่มาในรูปแบบของเจล มีส่วนประกอบหลักคือ แคลเซียม ไฮดรอกซิลอะพาไทด์ ไมโครเฟีย (Calcium Hydroxylapatite microsphere) หรือ CaHA เรียกกันว่า “คาห้า ไมโครเฟียร์” เป็นสารที่พบได้ในร่างกายโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่ใช่สิ่งแปลกปลอม เข้ากันได้กับร่างกาย และสามารถสลายไปตามธรรมชาติ จะถูกฉีดลงไปในชั้นผิวเพื่อการฟื้นฟูสภาพผิวและเติมเต็มผิว แก้ไขข้อบกพร่องของผิว ให้ผิวกลับมาแข็งแรง ดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง
โดย Radiesse เป็นผลิตภัณฑ์นำเข้าและจัดจำหน่ายโดยบริษัท Merz Aesthetics และตัวผลิตภัณฑ์นั้นได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล และได้รับความไว้วางใจอย่างแพร่หลาย
Radiesse มีหลักการทำงานอย่างไร
Radiesse มีส่วนประกอบหลัก คือ CaHA หรือ แคลเซียม ไฮดรอกซิลอะพาไทด์ ไมโครเฟีย (Calcium Hydroxylapatite microsphere) เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายแล้วจะไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของร่างกายให้ทำงานได้ดีและเร็วมากขึ้น ช่วยให้ผิวเกิดความแข็งแรง แน่น ใบหน้ายกกระชับ รวมทั้งฟื้นฟูผิว และลดเลือนริ้วรอย
ซึ่ง CaHA นั้น เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อกระดูก ซึ่งมีทั้งที่ร่างกายผลิตได้เอง และแบบสังเคราะห์ โดย Radiesse นั้นจะมาในรูปแบบของการสังเคราะห์ให้เหมือนกับ CaHA ที่อยู่กับในร่างกายในขนาดอนุภาค 25 – 45 ไมครอน ทำให้เข้ากันกับร่างกายได้เป็นอย่างดี ซึมซับได้ง่าย ไม่กระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันจนร่างกายเกิดการต่อต้าน อีกทั้งในทางการแพทย์ได้มีการนำตัว CaHa มาใช้งานด้านการแพทย์มานานกว่า 25 ปี รวมถึงได้มีงานวิจัยและงานตีพิมพ์ทางด้านวิทยาศาสตร์มารองรับว่าไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงกับร่างกาย
Radiesse ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?

- ช่วยเพิ่ม Collagen type I ได้ถึง 150% เสริมโครงสร้างผิวให้กระชับ แข็งแรง
- ช่วยเพิ่ม Collagen type III ได้ถึง 130% เสริมประสิทธิภาพในการสร้างโครงผิวของ Collagen type I
- ช่วยเพิ่มอิลาสติน ได้ถึง 260% ให้ผิวยืดหยุ่น เรียบเนียน
- ช่วยเพิ่มสารน้ำหล่อเลี้ยงผิว (Proteoglycan) เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดูอ่อนเยาว์
- ช่วยกระตุ้นการสร้างสารอาหารหล่อเลี้ยงผิว (Angiogenesis) กระตุ้นการไหลเวียนเลือด เพื่อได้ผิวที่สุขภาพดี
- ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ลง คืนความเด็กอีกครั้ง
- ช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ถึงระดับคอลลาเจนและอิลาสติน
- ช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับผิว ช่วยให้มีสุขภาพผิวที่ดีมากยิ่งขึ้น
- ช่วยยืดอายุของผิว ลงลึกในระดับโครงสร้าง
- ช่วยให้ผิวกระชับ เฟิร์ม เด้ง อิ่มฟูมากขึ้น
- ช่วยให้ริ้วรอยร่องตื้นลดลง ใบหน้ายกกระชับขึ้น
- ด้วยความสามารถเฉพาะตัวของ CaHA จึงทำให้สามารถคงผลลัพธ์ยาวนานถึง 1-2 ปี
Radiesse เหมาะกับใคร?

- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ริ้วรอยตื้นๆ บริเวณใบหน้า
- ผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด
- ผู้ที่มีปัญหาความเหี่ยวย่นบริเวณหลังมือ คอ เนินอก
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้กระชับ
- ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหารอยแผลเป็น ร่องลึก
- ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาร่องแก้มลึก หรือลดร่องน้ำหมาก
Radiesse ไม่เหมาะกับใคร?
- ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีโรคเลือดออกง่าย
- ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบใดๆ ของผลิตภัณฑ์ เช่น CaHA, เจล CMC
- ผู้ที่มีประวัติการแพ้อย่างรุนแรง
Radiesse มีกี่รุ่น
Radiesse จะมีทั้งหมดด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่
Radiesse Filler
กระตุ้นการสร้างสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวได้มากขึ้น รวมถึงเข้าไปเติมเต็มฟื้นฟูริ้วรอยร่องลึก จึงนิยมฉีดในบริเวณ รอยพับ ร่องลึก มือ เนินอก หรือใช้ฉีดเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เพื่อให้ผิวมีความแข็งแรงมากขึ้น
Radiesse Plus
เน้นการปรับโครงสร้างใบหน้า และสร้างกรอบหน้าให้คมชัด มีมิติ รวมถึงช่วยยกกระชับใบหน้า ต้านความหย่อนคล้อยได้เป็นอย่างดี โดยความแตกต่างจากรุ่นเดิม คือ มีการผสม Lidocaine (ยาชา) รวมอยู่ในปริมาณ 0.3% ช่วยบรรเทาอาการเจ็บขณะฉีด
Filler และ Radiesse แตกต่างกันอย่างไร
Filler มีส่วนประกอบหลัก คือ Hyaluronic Acid เน้นใช้สำหรับเติมเต็มและเพิ่ม Volume ให้กับผิวทดแทนปริมาตรผิวที่ร่างกายเสียไป เน้นใช้ปรับรูปหน้าหรือปรับคุณภาพของผิว (ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์) ไม่ได้มีคุณสมบัติกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนโดยตรง แต่จะมีคุณสมบัติอุ้มน้ำและกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี ซึ่งจะได้ผลลัพธ์นานสุด 18 เดือน ซึ่งจะสามารถเติมเต็มได้ทุกบริเวณของใบหน้า และสามารถทำการฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ในภายหลัง
ส่วน Radiesse มีส่วนประกอบหลัก คือ CaHA (Calcium Hydroxylapatite) อยู่ในกลุ่มของ Biostimulator จะมีจุดเด่นอยู่ที่การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน จึงไม่ใช่เพียงแค่การเติมเต็มผิวแต่เป็นการกระตุ้นคอลลาเจนระยะยาว ได้ผลลัพธ์ที่คงอยู่ได้นานกว่า 18 เดือน สามารถใช้ได้หลากหลายบริเวณบนใบหน้า เน้นการรักษาริ้วรอยร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก หลังมือ ยกเว้นผิวที่มีความบอบบาง เช่น ริมฝีปาก ใต้ตา แต่ไม่สามารถฉีดสลายได้ เนื่องจากยังไม่มีตัวยาที่ช่วยสลาย CaHA ในปัจจุบัน
ก่อนฉีด Radiesse ควรดูแลตัวเองอย่างไร?

- งดการดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนเข้ารับบริการ
- งดรับประทานยาที่ก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือด เช่น ยากลุ่ม NSAID ต่างๆ อย่างแอสไพริน วาร์ฟาริน
- งดรับประทานอาหารเสริมที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันพริมโรส สารสกัดจากใบแปะก๊วย
- งดการสครับผิวหรือใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวเพื่อป้องกันการอักเสบ
- งดฉีดหรือทำหัตถการอื่นบนใบหน้า (หรือบริเวณที่ต้องการฉีด) ก่อนเข้ารับบริการ ประมาณ 2-4 สัปดาห์
- ถ้าหากมีการทำหัตถการอื่น ๆ มาก่อนหน้านี้ ให้เว้นระยะห่างในการทำโปรแกรม Radiesse ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์
- แจ้งประวัติให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด เช่น โรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ยาที่กำลังรับประทานอยู่ เป็นต้น
หลังฉีด Radiesse ควรดูแลตัวเองอย่างไร

- หลีกเลี่ยงการจับ ลูบ แตะผิวหน้าในบริเวณที่ผิวหนังเปิด จนกว่าผิวหนังจะปิดสนิทดี
- งดการแต่งหน้า และการทาครีมบำรุง ภายใน 12 ชั่วโมงหลังทำ Radiesse
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้า อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดนความร้อน กิจกรรมที่มีความร้อน หรือแสงแดดเป็นเวลานาน อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- หลังจากการฉีดผลิตภัณฑ์ อาจสัมผัสได้ถึงตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่พบได้ ก้อนที่สัมผัสได้จะลดลงหลังจากฉีดไปแล้ว 2-4 สัปดาห์
- หากมีรอยช้ำ แนะนำให้ประคบเย็นในวันแรก จากนั้นจึงประคบอุ่น โดยสามารถทาหรือรับประทานยาที่ช่วยลดอาการช้ำได้
Radiesse เห็นผลเมื่อไหร่?

ผลลัพธ์ของการฉีด จะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ
ผลลัพธ์ทันที : หลังฉีดจะมีฤทธิ์การยกของผิว เกิดความกระชับ ร่องลึกต่าง ๆ ที่ตื้นขึ้น ริ้วรอยจางลง
ผลลัพธ์ระยะยาว : หลังจากการฉีด 3-4 สัปดาห์ CaHA จะเริ่มออกฤทธิ์กระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวเกิดการเปลี่ยนแปลง คุณภาพผิวบริเวณที่ฉีดดีขึ้น กระชับขึ้น ยืดหยุ่นขึ้น และปริมาตรของผิวบริเวณที่ฉีดก็จะดีขึ้นเช่นกัน
Radiesse ผลลัพธ์อยู่ได้นานเท่าไหร่

ผลลัพธ์หลังการฉีด Radiesse จะอยู่ได้อย่างน้อย 1 ปี และสามารถอยู่ได้นานมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละบุคคล เช่น ตำแหน่งที่ฉีด, คุณภาพผิวเดิม, และอายุ แต่ด้วยผลลัพธ์ของ CaHA จึงทำให้เห็นผลได้ยาวนานกว่าการฉีดฟิลเลอร์ (Skinbooster) แบบปกติ
ผลข้างเคียงหลังฉีด Radiesse
- อาจมีรอยแดงหรือรอยเขียวช้ำเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถหายได้เองใน 1-2 วัน
- ทันทีหลังการฉีด บริเวณที่ฉีดอาจมีอาการบวมได้เล็กน้อย หรืออาจสามารถคลำเป็นก้อนใต้ที่ฉีดได้ อาการเหล่านี้เป็นอาการปกติ และมักหายไปเองภายใน 72 ชั่วโมง การประคบเย็นหลังการฉีด สามารถช่วยลดอาการบวมและแดงได้
- แต่ในบางรายอาจมีอาการบวม 7-8 วัน และบางรายอาจเกิดขึ้นหลายสัปดาห์ หากมีอาการบวมนานกว่านี้หรือมีอาการแทรกซ้อน ควรเข้าพบแพทย์ที่ทำการรักษาด้วย
- อาจมีอาการปวดบริเวณรอยเข็ม ห้ามไปจับ ถู หรือเกา เนื่องจากรูเข็มยังปิดไม่สนิท อาจทำให้เกิดการติดเชื้อบริเวณที่ฉีดได้ โดยอาการคันดังกล่าวสามารถหายได้เองใน 1-2 หากเป็นนานกว่านั้นควรปรึกษาแพทย์ที่คลินิกที่ให้การบริการ
- หลังทำการฉีดอาจมีการเปลี่ยนสี เช่น ผิวซีดลงในบริเวณที่ทำการรักษาหากเกิดกรณีนี้ให้ปรึกษาแพทย์ในทันที
ข้อควรระวังในการฉีด Radiesse
- ผู้ที่มีความจำเป็นต้องทำ X-rays หรือ CT Scan ควรแจ้งแพทย์ที่ทำการดูแลว่าได้รับการบริการ
- หากต้องการฉีดบริเวณริมฝีปากและรอบดวงตา ควรปรึกษาแพทย์ตามความเหมาะสมและควรใช้บริการแพทย์ที่มีฝีมือในการทำการฉีด เพราะเป็นบริเวณที่เสี่ยงกว่า
- ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่ฉีด เป็นสิว หรือเป็นแผลควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการฉีด
- หากมีประวัติของโรคเริมควรแจ้งแพทย์ผู้เกี่ยวข้องการทำการฉีด
- หากมีประวัติเกิดแผลคีลอยด์ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเช่นกัน
- หากผู้เข้ารับบริการกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือดหรือยาที่ก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือด อาทิ แอสไพริน วาร์ฟาริน อาจทำให้เกิดอาการเลือดออก หรือรอยช้ำหลังทำ ควรรับแจ้งแพทย์ให้ทราบ