Radiesse Plus คืออะไร

Radiesse Plus คือ สารฉีดปรับกรอบหน้าชัด สำหรับฉีดสร้างโครงหน้า พัฒนาจากรุ่น Radiesse Classic เพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้างผิวที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของชั้นผิวและชั้นไขมัน ชั้นกระดูกยุบตัวลง ผิวขาดคอลลาเจน จนเกิดการหย่อนคล้อย เพราะไม่มีสิ่งที่ช่วยพยุงโครงสร้างผิวบริเวณใบหน้าไว้ ทำให้โครงหน้ามีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งโปรแกรม Radiesse Plus จะตอบโจทย์ของปัญหาดังกล่าวนี้ให้ดีขึ้น ซึ่งจะเน้นเข้าไปเสริมโครงสร้างหน้าให้เป็นรูป V-Shape อย่างมีมิติ เพิ่มกรอบหน้าให้ชัด พร้อมกับยกกระชับใบหน้า โดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น
ส่วนประกอบหลักของ Radiesse Plus
ส่วนประกอบหลักของ Radiesse Plus มีองค์ประกอบอยู่ 3 อย่าง ได้แก่ CaHA, sodium carboxy-methylcellulose (CMC) gel และ Lidocaine (ยาชา) โดยตัว CaHA หรือ แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์ (Calcium Hydroxylapatite microsphere) เป็นสารชนิดเดียวกันกับที่พบในกระดูกและฟันของมนุษย์ โดย CaHA นี้จะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิวบริเวณที่ทำการหัตการ เติมเต็ม Volume ให้กับผิว พร้อมกับกระตุ้นให้เกิดไฟโบรบาสต์ (Fibroblast) เกิดเป็นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนธรรมชาติภายในร่างกาย เมื่อเวลาผ่านไป ตัว CMC gel นี้จะค่อยสลายออกไป เหลือไว้เพียงตัวคอลลาเจนใหม่ภายในร่างกายเท่านั้น โดย Lidocaine (ยาชา) ที่อยู่ในตัวผลิตภัณฑ์จะช่วยให้ขณะทำหัตถการนั้นไม่รู้สึกเจ็บ
Radiesse plus ช่วยเรื่องอะไร

โปรแกรม Radiesse plus ช่วยกระตุ้นการสร้างองค์ประกอบของโครงสร้างผิวที่มาจากกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย สร้างปริมาณความหนาแน่นของโครงสร้างผิวขึ้นมา เกิดเป็นโครงหน้าที่คมชัดจากองค์ประกอบผิวที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเอง ช่วยยกกระชับใบหน้า (Lifting) เปลี่ยนใบหน้าที่หย่อนคล้อยเป็น U-Shape ให้กลายเป็น V-Shape พร้อมทั้งสร้างกรอบหน้า (Contouring) ให้มีมิติ ดูคมชัดทันที ตั้งแต่บริเวณโหนกกราม คาง และขากรรไกร โดยไม่ต้องทำการผ่าตัดศัลยกรรม ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันต่อไปได้ หลังจากทำหัตถการแล้วจะรู้สึกได้ทันทีเลยว่าใบหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลง มีการยกกระชับ เริ่มเห็นกรอบหน้าที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 2 – 4 เดือน คงผลลัพธ์ได้ยาวนานสูงสุดถึง 2 ปี โดยไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ภายในร่างกาย
ฉีด Radiesse plus ทำคู่กับเครื่อง laser ได้ไหม
โปรแกรม Radiess Plus มีความคงทนต่อความร้อนสูง สามารถทำคู่ร่วมกับการเลเซอร์อื่นได้ รวมไปถึงเครื่องยกกระชับอย่าง Thermage, Ultraformer, Ultrera ได้เช่นเดียวกัน ในกรณีที่ต้องการทำ Radiesse plus คู่กับการทำเลเซอร์ แนะนำให้เลือกทำเลเซอร์ก่อน จึงตามด้วยโปรแกรม Radiesse plus แต่ถ้าในกรณีที่เคยทำโปรแกรม Radiesse plus มาก่อนแล้วต้องการทำเลเซอร์ต่อ หรือ ทำเลเซอร์มาก่อนแล้วอยากทำ Radiesse plus สามารถทำได้ โดยแนะนำให้ห่างกัน 2 – 4 สัปดาห์ จะเป็นระยะที่เหมาะสมและไม่มีผลข้างเคียงต่อหัตถการนั้น ๆ
ฉีด Radiesse plus ทำคู่กับหัตถการประเภทฉีดอื่นได้ไหม
โปรแกรม Radiesse plus สามารถทำคู่กับหัตถการประเภทฉีด เช่น โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หรือโปรแกรม Radiesse Classic ได้ แต่ต้องเป็นการทำหัตถการที่อยู่คนละบริเวณที่มีการทำโปรแกรม Radiesse plus เท่านั้น ถ้าต้องการทำในบริเวณเดียวกัน ให้เว้นช่วงจากกัน เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ทั้งนี้ต้องปรึกษาแพทย์เนื่องจากขึ้นกับปัญหาโครงหน้าของแต่ละบุคคล
เปรียบเทียบความแตกต่างของ Radiesse Plus กับ Radiesse

Radiesse และ Radiesse plus มีความแตกต่างกันที่คุณสมบัติและผลลัพธ์หลังทำหัตถการที่แตกต่างกัน แต่สามารถนำมาใช้ควบคู่กัน เพิ่มประสิทธิภาพในการปรับรูปหน้าสูงสุด โดยทั้งสองรุ่น มีความแตกต่างกันดังนี้
Radiesse
Radiesse หรือ Radiesse Classic เน้นการ เสริมสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิวในการฟื้นฟูริ้วรอยร่องลึก (Versatile Filling) ในระดับปานกลางไปจนถึงระดับมาก เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รอยย่นหน้าผาก รอยพับตามใบหน้าและลำคอ รวมไปถึงฉีดทดแทนการสูญเสียไขมันของผิวตามใบหน้าและบริเวณอื่นของร่างกาย เช่น หลังมือ เนินอก เพิ่มคุณภาพผิว (Skin Rejuvenation) บริเวณที่ฉีดให้ดีขึ้น กระชับขึ้น ยืดหยุ่นขึ้น กระตุ้นครบองค์ประกอบ 5 อย่างของผิว ได้งานผิวเรียบเนียนเป็นธรรมชาติเหมือนเติม Volume ให้แก่ผิว คงผลลัพธ์ได้นานมากกว่า 1 ปี
Radiesse plus
Radiesse plus เป็นรุ่นที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องของการปรับสร้างโครงหน้าโดยเฉพาะ ช่วยยกกระชับใบหน้า และสร้างกรอบหน้าให้คมชัด มีมิติมากยิ่งขึ้น โดยพัฒนามาจากรุ่นเดิมโดยมีส่วนประกอบของ Lidocaine (ยาชา) รวมอยู่ในปริมาณ 0.3% จึงสามารถฉีดได้โดยไม่ต้องผสมน้ำเกลือ ไม่ต้องผสมยาชา ช่วยบรรเทาอาการเจ็บขณะฉีดได้ มีคุณสมบัติสำคัญสองประการ คือ High viscosity (ค่าความหนืดสูง) ทำให้ตัวผลิตภัณฑ์ไม่เคลื่อนที่กระจายตัวไปยังบริเวณอื่นนอกเหนือจากที่ฉีด มีความแม่นยำสูง จึงทำให้ผลลัพธ์การรักษาออกมาตรงตามการวางแผนไว้ และคุณสมบัติ High elasticity (ค่าความยืดหยุ่นสูง) ช่วยในเรื่องของยกตัว (Lifting) มีแรงยกผิวสูง สามารถต้านความหย่อนคล้อยได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานมากถึง 2 ปี
เปรียบเทียบความแตกต่างของ Radiesse Plus กับ ยี่ห้อฟิลเลอร์อื่น

ความแตกต่างระหว่าง Radiesse plus กับ ฟิลเลอร์ คือ ส่วนประกอบหลักของตัว Radiesse plus คือ CaHA เนื้อมีความแข็งมากกว่า และช่วยกระตุ้นการเกิดคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ในระยะยาว จึงได้ผลลัพธ์ที่ยาวนานมากกว่า ส่วนทางด้านโปรแกรมฟิลเลอร์ คือ Hyaluronic Acid (HA) เนื้อมีความอ่อนกว่า และความสามารถในการกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินไปพร้อมกับการเพิ่ม Volume ของผิวหน้า แต่จะเป็นการเติมเต็มเพียงอย่างเดียว
Radiesse plus เนื้อผลิตภัณฑ์จะมีความหนืดและความยืดหยุ่นสูง สามารถยึดเกาะกับผิวอยู่กับที่ได้เป็นอย่างดี จึงนำมาฉีดสร้างโครงใบหน้าได้ดี เหมาะกับการฉีดที่บริเวณ Cheek bone (โหนกแก้ม) และ Jawline (สันกราม) ได้ผลลัพธ์ที่คมชัด มีมิติ และคงผลลัพธ์ได้ยาวนานมากถึง 1 – 2 ปี จากการที่ตัว CaHA กระตุ้นการสร้างโครงสร้างผิวจากร่างกายของตัวเอง แต่ในปัจจุบันยังไม่มีตัวยาที่สามารถสลายตัวผลิตภัณฑ์ Radiesse plus ได้ ดังนั้น การทำหัตถการควรดำเนินการโดยแพทย์ผิวหนังเฉพาะที่ชำนาญจริง ๆ เท่านั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ทางด้านฟิลเลอร์ ต้องเปรียบเทียบกับฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เนื้อผลิตภัณฑ์มีความยืดหยุ่นต่ำกว่า จึงขึ้นรูปง่าย ปั้นทรงได้ตามความต้องการ สามารถฉีดได้หลากหลายบริเวณ แต่ส่วนมากสำหรับฟิลเลอร์เนื้อแข็งจะเน้นปั้นทรงเสริมขึ้นมาเพื่อเติมในส่วนที่ขาดให้เพื่อให้ใบหน้าสมส่วนดูมีมิติมากยิ่งขึ้น เช่น ฟิลเลอร์คาง, ฟิลเลอร์หน้าผาก, ฟิลเลอร์จมูก ได้ผลลัพธ์ที่ละมุน ไม่แข็งทื่อจนเกินไป สำหรับการโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์บริเวณ Cheek bone (โหนกแก้ม) และ Jawline (สันกราม) เพื่อสร้างกรอบหน้าและเพิ่มมิติ อาจต้องใช้ปริมาณจำนวน CC ที่เยอะกว่าการใช้ Radiesse plus สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน 18 เดือน โดยการทำฟิลเลอร์จะสามารถฉีดสลายได้เมื่อต้องการแก้ไข
บริเวณไหนที่สามารถฉีด Radiesse Plus ได้และบริเวณไหนที่ไม่ควรฉีด
สำหรับตำแหน่งในการทำ Radiesse Plus แนะนำให้เป็นบริเวณโหนกแก้ม สันกราม กรอบหน้า เนื่องจากคุณสมบัติของตัวผลิตภัณฑ์เหมาะกับการฉีดเพื่อปรับรูปหน้าให้มีกรอบคมชัด มีมิติ และยกกระชับใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบริเวณที่แพทย์ไม่แนะนำฉีด ได้แก่ ระหว่างคิ้ว, จมูก, ริมฝีปาก, และรอบบริเวณริมฝีปาก เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีความเสี่ยงสูง อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนได้ หากมีความกังวลและต้องการรักษาในบริเวณดังกล่าว จะต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาประเมินปัญหาอย่างละเอียด หรือเลือกทำหัตถการอื่น ๆ ในการรักษา เช่น การทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาในบริเวณดังกล่าวได้
Radiesse Plus ได้รับการรับรองจากหน่วยงานระดับสากล
Radiesse plus ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย. 3 ประเทศ ได้แก่ ยุโรป อเมริกา ประเทศไทย ว่าเป็นสารประเภท Bio-Compatibility ที่สามารถเข้ากับร่างกายได้ และไม่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้าน (Non-Immunogecin Properties) โดยแพทย์ทั่วโลกได้นำมาใช้งานนานกว่า 9 ปี และตัว Radiesse plus เป็นหัตถการแรกที่ได้รับการอนุมัติการรักษา Jawline Treatment อีกด้วย
ถ้าต้องการฉีด Radiesse Plus ทั่วหน้าต้องใช้จำนวนกี่กล่อง
ปริมาณการฉีดโปรแกรม Radiesse Plus เฉลี่ยใช้ปริมาณ 1-2 กล่อง (3 cc) / 1 หน้า ถ้าหากผู้ที่มีปัญหาผิวหน้ามาก ก็ต้องเพิ่มปริมาณในการฉีด ทั้งนี้ขึ้นกับปัญหาผิวแต่ละบุคคล โดยก่อนทำหัตถการ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะมีการประเมิน วินิจฉัยก่อนทุกครั้งว่าแต่ละบุคคลควรใช้ปริมาณยาเท่าไร ควรใช้กี่กล่อง กี่ cc เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีที่สุด และต้องกลับมาติดตามผลทุกครั้งเพื่อดูผลการรักษาว่าเป็นไปตามที่วางแผนไว้หรือไม่
วิธีการตรวจสอบผลิตภัณฑ์แท้ของ Radiesse Plus
ผลิตภัณฑ์ Radiesse plus นำเข้านำเข้าโดยบริษัท Merz Aesthetics Thailand (เมิร์ซ เอสเธติกส์ ไทยแลนด์) แต่เพียงผู้เดียว โดยสามารถตรวจสอบคลินิกที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์แท้จากผู้จัดจำหน่ายโดยตรงได้ที่เว็บไซต์ https://www.merzaesthetics.co.th/search-result/ หรือสังเกตสติกเกอร์และใบ Certified Injector ได้ภายในคลินิกที่เข้ารับบริการ
- ผลิตภัณฑ์ Radiesse Plus จะบรรจุไซริงค์ที่มีตัวยา และ Skin Rejuvenation Club Card ให้ตรวจสอบว่ามีอุปกรณ์ดังกล่าวนี้ครบหรือไม่
- บนกล่องผลิตภัณฑ์ ต้องมีเลขทะเบียน อย. และเอกสารกำกับภาษาอังกฤษ
- เลข Lot ต้องตรงกันทั้งบริเวณกล่องและซองภายในกล่องของผลิตภัณฑ์
- บนกล่องผลิตภัณฑ์มี QR Code ติดไว้ด้านหน้า และต้องสามารถสแกนตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ของ อย. ได้
- ก่อนการใช้งาน ให้ตรวจสอบว่าตัวกล่องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดีหรือไม่ ถ้าหากพบว่ากล่องมีลักษณะชำรุด ฉีกขาด ผ่านการแกะใช้งาน ให้ปฏิเสธการใช้งานทันที
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ หลังฉีด Radiesse Plus
หลังทำ Radiesse plus อาจมีรอยแดงหรือรอยเขียวช้ำที่เกิดขึ้นเป็นปกติได้ และจะหายเองได้ภายใน 1 – 3 วัน แนะนำให้เลี่ยงการจับ เกา ถู นวด บริเวณใบหน้าเพื่อป้องกันการอักเสบ ติดเชื้อจากรูเข็มที่ยังไม่ปิดสนิท ถ้าหากผิวบริเวณที่ทำหัตถการมีความบวมแดง สามารถประคบเย็นหรือรับประทานยาช่วยลดอาการช้ำบวมแดงได้ ถ้าหากเกิดผลข้างเคียงที่ไม่ปกติ เช่น ผิวเปลี่ยนสี ผิวบริเวณที่ฉีดซีดลง แนะนำให้ไปพบแพทย์ทันทีเพื่อทำการรักษาแก้ไข
Radiesse Plus ราคาเท่าไร
ราคา 36,000 บาท ต่อ 1 กล่อง (บรรจุด้วยกันทั้งหมด 1.5 CC)
Radiesse Plus รีวิว Before and After