ยุคที่ผู้คนต่างก็หาวิธีชะลอวัยและเพิ่มความอ่อนวัยให้กับใบหน้า หนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมคงหนีไม่พ้น ฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็ม ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย เติมเต็มร่องลึก เพิ่มมิติและปรับรูปหน้าให้ดูดีขึ้น โดยเฉพาะยี่ห้อระดับโลก อย่าง “ Juvederm ” จากสหรัฐอเมริกา
แล้วอะไรคือเสน่ห์ของ Juvederm ที่ทำให้ติดอันดับฟิลเลอร์ขวัญใจใครหลาย ๆ คน มีดีอย่างไร ทำไมใคร ๆ ถึงเลือกใช้ และที่สำคัญ มีกี่รุ่น เหมาะกับใคร ราคาเท่าไร บทความนี้มีคำตอบค่ะ
Juvederm คืออะไร
Juvederm แบรนด์ฟิลเลอร์จากสหรัฐอเมริกา ผลิตโดยบริษัท Allergan บริษัทเดียวกับที่ผลิต Botox ที่นิยมไปทั่วโลก ซึ่ง Juvederm จัดอยู่ในกลุ่มสารเติมเต็มหรือ Dermal Filler ประเภท Hyaluronic Acid (HA) สารที่พบได้ในร่างกายตามธรรมชาติ ปริมาณจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น
ฟิลเลอร์ Juvederm มีคุณสมบัติหลักคือ ช่วยเติมเต็มเนื้อเยื่อที่สูญเสีย แก้ไขปัญหาริ้วรอยร่องลึก ปรับปรุงคุณภาพผิว เสริมโครงสร้างใบหน้าให้ดูกระชับเต่งตึง และทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์เป็นธรรมชาติ โดยอาศัยคุณสมบัติการอุ้มน้ำ จุดเด่นของ HA เพื่อช่วยเติมเต็มผิวในชั้นลึกและชั้นกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความพิเศษของ Juvederm คือการนำเทคโนโลยีการผลิต อย่าง Hylacross และ Vycross เข้ามาใช้สังเคราะห์ฟิลเลอร์ ทำให้มีคุณสมบัติเด่น เช่น เนื้อฟิลเลอร์เรียบเนียน เนื้อละเอียดกลืนไปกับชั้นผิว ไม่เกิดก้อน สามารถยกกระชับและขึ้นรูปได้ดี ให้ผลลัพธ์ดูธรรมชาติ โดยการผลิตจะทำการเชื่อมโมเลกุล HA ด้วยวิธี Cross-linking เส้นใย ให้มีพันธะและการเรียงตัวแน่นหนา อยู่ได้นานและคงรูปได้ดี
ที่สำคัญ Juvederm ผ่านการรับรองจาก US FDA ของสหรัฐ และคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไทย ว่ามีคุณภาพและไม่อันตราย เป็นตัวเลือกชั้นนำที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และเป็นที่ไว้วางใจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามทั่วโลกในปัจจุบัน
Juvederm ต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นอย่างไร
ฟิลเลอร์ Juvederm มีลักษณะเฉพาะที่ต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น ๆ หลายจุด หนึ่งในจุดเด่นสำคัญของ Juvederm คือ เทคโนโลยี Hylacross และ Vycross กระบวนการสังเคราะห์และการผลิตฟิลเลอร์ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Juvederm ค่ะ
เทคโนโลยี Hylacross จะเด่นด้านความสามารถในการอุ้มน้ำได้ดี ช่วยให้ผิวเติมเต็ม เต่งตึง ดูเด้ง อิ่มฟู และมีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการขยับของกล้ามเนื้อ เหมาะมากสำหรับใช้กับบริเวณที่เคลื่อนไหวบ่อย ๆ เช่น ร่องแก้ม มุมปาก หรือแก้มตอบ
ส่วน เทคโนโลยี Vycross เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด พัฒนาขึ้นเพื่อให้ฟิลเลอร์มีคุณสมบัติการยกกระชับผิวได้ดี คงความแข็งแรงของโครงสร้างได้นาน เพราะมีโมเลกุลของ HA ที่เชื่อมพันธะ (cross-link) หนาแน่น แต่ขณะเดียวกันก็มีอัตราการบวมน้ำต่ำ ทำให้ผิวดูเรียบเนียน ไม่เป็นก้อนหรือไม่เคลื่อนจากตำแหน่งที่ฉีด ให้ผลลัพธ์ที่ดูดีเป็นธรรมชาติ และคงอยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น ๆ
มุมส่วนผสม Juvederm ก็มีความพิเศษตรงการเติมยาชา (Lidocaine) ในทุกรุ่นผลิตภัณฑ์ ช่วยให้ผู้ฉีดรู้สึกเจ็บน้อยลงระหว่างทำ ต่างจากฟิลเลอร์บางยี่ห้อที่มียาชาเป็นส่วนผสมเฉพาะบางรุ่นเท่านั้น
Juvederm มีกี่รุ่น เหมาะฉีดบริเวณไหนบ้าง
ฟิลเลอร์ Juvederm ที่วางจำหน่ายในไทย มีทั้งหมด 7 รุ่น แต่ละรุ่นมีคุณสมบัติและความเหมาะสมในการใช้งานแตกต่างกัน เพื่อตอบโจทย์การฉีดในแต่ละส่วนของใบหน้า
1.Juvederm Volux
Juvederm Volux รุ่นที่มีเนื้อฟิลเลอร์แข็งสุดในบรรดา Juvederm ทุกรุ่น เด่นที่ความสามารถในการขึ้นรูปทรงได้ดี คงความแข็งแรงของโครงสร้างได้นาน พร้อมคุณสมบัติในการยกกระชับผิวได้ประสิทธิภาพสูง
เหมาะสำหรับการฉีดเพื่อปรับรูปทรงใบหน้า กระชับแนวกระดูก เช่น บริเวณขากรรไกร แนวกราม รวมถึงใช้เสริมคาง เพิ่มมิติให้ใบหน้ามีความสมดุลและดูดีขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จาก Juvederm Volux สามารถอยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน
2.Juvederm Voluma
Juvederm Voluma ฟิลเลอร์ที่เนื้อค่อนข้างแน่นแข็ง แต่ความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับฉีดเพื่อยกกระชับผิวบริเวณ Midface โดยเฉพาะ ช่วยแก้ปัญหาแก้มตอบ ร่องแก้มลึก ลดความหย่อนคล้อย
เป็นตัวเลือกชั้นดีในการเติมวอลลุ่มบริเวณใบหน้าส่วนอื่น ๆ เช่น ขมับ คาง หน้าผาก เพื่อเพิ่มความอวบอิ่ม กระชับ และสร้างมิติให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น ผลลัพธ์จากการฉีด Voluma จะอยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน
3.Juvederm Volift
Juvederm Volift ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มปานกลาง มีความเรียบเนียน ละเอียด ไม่เกิดการจับตัวเป็นก้อนหรือไหลไปมาง่าย เมื่อฉีดแล้วจะให้ผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติมาก
Volift เหมาะมากสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องลึกระดับกลางถึงตื้น เช่น ร่องแก้ม ร่องมุมปาก ร่องน้ำหมาก และบริเวณใต้ตาชั้นลึก เพราะช่วยเติมเต็มร่องลึกได้อย่างกลมกลืน อีกทั้งใช้ปรับรูปทรงปากให้สวยขึ้นได้ด้วย ผลลัพธ์จากการฉีด Volift สามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือน
4.Juvederm Volbella
Juvederm Volbella โดดเด่นด้วยเนื้อฟิลเลอร์ที่นุ่มละมุนที่สุด ฉีดแล้วจะให้ความรู้สึกเบาสบาย ไม่หนักหน้า มีความเนียนละเอียดสูง เกลี่ยตัวเข้ากับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีปัญหาเรื่องการจับตัวเป็นก้อนแม้ใช้กับผิวบาง ๆ
คุณสมบัติเด่นเหล่านี้ทำให้ Volbella เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับใช้เติมร่องใต้ตาชั้นตื้น ลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตา หรือนำมาใช้เพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก โดยไม่ทำให้รูปทรงปากเปลี่ยนมากจนผิดธรรมชาติ ผลลัพธ์จากการฉีด Volbella สามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือน
5.Juvederm Volite
Juvederm Volite ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อบางเบา ละเอียดที่สุดในบรรดารุ่น Juvederm ทั้งหมด สามารถฉีดในชั้นผิวหนังชั้นตื้นได้ โดยจะออกฤทธิ์เติมความชุ่มชื้น ให้ผลลัพธ์ผิวหน้าดูเปล่งปลั่ง กระจ่างใส เรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
Volite เหมาะมากสำหรับใช้ปรับผิวให้ดูสุขภาพดี แก้ปัญหาริ้วรอยตื้น ๆ บนผิวหน้า บริเวณใต้ตา รอบดวงตา และลำคอ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น กระชับ อิ่มน้ำ รูขุมขนดูเล็กลง ผิวเนียนกว่าเดิม ผลลัพธ์ที่ได้จาก Volite อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน
6.Juvederm Ultra Plus XC
Juvederm Ultra Plus XC ฟิลเลอร์เนื้อนุ่ม มีคุณสมบัติอุ้มน้ำดีเยี่ยม เมื่อฉีดจะให้ผลลัพธ์ความฟูนูนสูง รู้สึกได้ถึงเนื้อที่เพิ่มขึ้นชัดเจน
Ultra Plus XC เหมาะมากกับการนำไปแก้ปัญหาร่องลึก ที่เกิดจากสภาพผิวหย่อนคล้อยลงตามวัย หรือความบกพร่องจากธรรมชาติ เช่น การฉีดเติมขมับ แก้ปัญหาแก้มตอบ ร่องแก้มลึก และเติมเต็มคางที่ไม่ได้รูป ผลลัพธ์จากการฉีด Ultra Plus จะคงอยู่ได้นาน 12 เดือน
7.Juvederm Ultra XC
Juvederm Ultra XC มีลักษณะเนื้อฟิลเลอร์นุ่มนิ่มกำลังดี ไม่ฟู ไม่บวมง่าย แต่มีความยืดหยุ่น ทนต่อแรงกดและเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อได้ดี จึงเหมาะสุดในการนำไปใช้กับผิวที่มีความบางพิเศษ
Ultra XC จะเน้นใช้ฉีดเพื่อเติมเต็มร่องลึก ลดเลือนริ้วรอย ในบริเวณที่ลักษณะผิวหนังบาง เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ปากบาง ๆ ส่วนใหญ่ใช้เทคนิคการฉีดในชั้นผิวหนังมากกว่าในชั้นลึก ผลลัพธ์จากการฉีด Ultra XC สามารถอยู่ได้นาน 8-12 เดือน
ฟิลเลอร์ Juvederm ราคาเท่าไหร่
ราคาของฟิลเลอร์ Juvederm จะต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปริมาณความเข้มข้นของสาร HA ในแต่ละรุ่นเป็นหลัก รวมถึงคุณสมบัติพิเศษเฉพาะที่แต่ละรุ่นมี ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเติมเต็ม ปรับรูปหน้า และระยะเวลาที่ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้ ราคาเฉลี่ยของฟิลเลอร์ Juvederm จะอยู่ที่ประมาณ 14,000-20,000 บาทต่อ 1 cc. ค่ะ
ราคาของฟิลเลอร์ Juvederm ต่อ 1 cc แต่ละรุ่นในไทย
รุ่นฟิลเลอร์ Juvederm | ราคาประมาณเฉลี่ย (ต่อ 1 cc.) |
Juvederm Volux | 11,000 – 20,000 บาท |
Juvederm Voluma | 14,000 – 20,000 บาท |
Juvederm Volift | 14,000 – 20,000 บาท |
Juvederm Volite | 14,000 – 20,000 บาท |
Juvederm Volbella | 14,000 – 20,000 บาท |
Juvederm Ultra Plus XC | 14,000 – 20,000 บาท |
Juvederm Ultra XC | 14,000 – 20,000 บาท |
เพราะการฉีดฟิลเลอร์เป็นการทำหัตถการทางการแพทย์ ที่ต้องอาศัยความมีฝีมือ ดังนั้นราคาของ Juvederm เลยอาจแตกต่างกันได้ตามแต่ละคลินิกหรือแพทย์ผู้ฉีด ขึ้นอยู่กับความมีฝีมือและประสบการณ์ของแพทย์ รวมถึงมาตรฐานกับความน่าเชื่อถือของคลินิกค่ะ
วิธีเช็ค Juvederm ของแท้
การซื้อฟิลเลอร์ Juvederm จำเป็นมากที่ต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ ได้มาตรฐานเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี แนะนำควรเช็คให้ดีก่อนฉีดทุกครั้ง ให้มั่นใจว่าเราจะได้ใช้ Juvederm ของแท้ สามารถสังเกตจากจุดต่าง ๆ ได้ต่อไปนี้
- ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์และกล่องของ Juvederm ให้ละเอียด โดยกล่องแท้จะต้องมีภาษาไทยระบุข้อมูลครบถ้วน เช่น เลขที่ใบรับแจ้งเครื่องสำอาง เลขที่ผลิต วันที่ผลิต/หมดอายุ และข้อมูลผู้ผลิตชัดเจน
- สังเกตลักษณะหลอดฟิลเลอร์ ที่ต้องเป็นหลอดแก้วใสเรียบ ไม่มีฟองอากาศหรือจุดด่างดำแปลก ๆ ข้างใน มีการเคลือบสีขุ่นตรงปลายด้ามจับเพื่อป้องกันแสงอัลตราไวโอเลต และมีสติกเกอร์บอกชื่อรุ่นติดอยู่ชัด
- เช็คให้ละเอียดว่าเลขแบทช์ (Lot) และวันที่ผลิต/หมดอายุบนกล่อง ต้องตรงกับที่ระบุอยู่บนซองและตัวหลอดของฟิลเลอร์
- ทดสอบความแน่นด้วยการจับหลอดฟิลเลอร์พลิกไปมา เนื้อเจลข้างในต้องไม่เหลวไหลง่าย เคลื่อนที่ช้า ๆ ไม่แยกชั้น แต่ต้องรู้สึกถึงความยืดหยุ่นระดับหนึ่ง ถ้าเหลวหรือแข็งไปถือว่าผิดปกติ
- สแกน QR Code จากสติ๊กเกอร์ Anti-Counterfeit บนกล่องผลิตภัณฑ์ เพื่อเช็คข้อมูลออนไลน์
- ขอคำแนะนำจากคลินิกหรือแพทย์ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับการฉีด Juvederm ของแท้จากแหล่งที่เชื่อถือได้ พร้อมกับการดูแลอย่างใกล้ชิด
การใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ปลอม นอกจากจะไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ควรเป็น ยังอาจก่อให้เกิดอาการข้างเคียงที่รุนแรงและอันตรายด้วย เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านั้นไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานและตรวจสอบความปลอดภัยมาเป็นอย่างดี ส่วนใหญ่ใช้สารที่ไม่บริสุทธิ์หรือมีการปนเปื้อน เสี่ยงต่อการเกิดภูมิแพ้ ผิวหนังอักเสบ จนถึงภาวะแทรกซ้อนรุนแรขั้นเนื้อเยื่อตายหรือผิวพังเสียโฉมได้
สรุป
ยี่ห้อฟิลเลอร์ Juvederm เป็นเทคโนโลยีความงามสัญชาติอเมริกัน ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ด้วยเทคโนโลยีการผลิตเฉพาะทั้ง Hylacross และ Vycross ช่วยให้ Juvederm มีคุณสมบัติเด่นเรื่องการเติมเต็ม ยกกระชับ และปรับรูปหน้าได้อย่างธรรมชาติ สามารถเลือกใช้ได้หลากหลายรุ่น ตามความเหมาะสมของแต่ละบริเวณใบหน้า ไม่ว่าจะ Volux, Voluma, Volift, Volbella, Volite, Ultra Plus XC หรือ Ultra XC
Juvederm ผ่านการรับรองความปลอดภัยและประสิทธิภาพจาก อย. ทั้งของไทยและสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในฟิลเลอร์คุณภาพดีที่ไว้วางใจจากแพทย์ทั่วโลก ถึงราคาของ Juvederm จะค่อนข้างสูง แต่เมื่อเทียบคุณภาพกับความปลอดภัยแล้ว Juvederm ก็คือตัวเลือกนึง สำหรับผู้ที่อยากเสริมความงามอย่างมั่นใจและไม่เป็นอันตราย
ขอบคุณคุณลูกค้าทุกท่านที่สนใจโปรโมชั่นดีๆ ของ Amarante Clinic นะคะ
🚩อย่าลืมแอดไลน์ http://bit.ly/3ZYmsMB เพื่อที่จะไม่พลาดโปรโมชั่นสุดพิเศษนะคะ
😄 หรือสนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย
✅ Line คลิก > http://bit.ly/3ZYmsMB
✅ Inbox Facebook คลิก > http://bit.ly/3TrFOr0
✅ Instagram คลิก > http://bit.ly/3Z20siT
📍สาขาอารีย์ : อาคารบ้านยสวดี (BTS อารีย์ ทางออกที่ 3)
📞080-393-6669
📍สาขาบางนา : For You Park
📞080-556-5294
📍ทั้ง 2 สาขา มีที่จอดรถ สะดวกสบาย
🕘เปิดให้บริการทุกวัน : 11.00-20.00 น.