หลายคนที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์คงจะอยากรู้ว่า ฉีดฟิลเลอร์ราคาเท่าไหร่ เพราะปัจจุบันมีฟิลเลอร์ให้เลือกหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อก็จะมีราคาที่แตกต่างกัน บทความนี้จะมาไขข้อสงสัยว่าฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อมีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ฉีดฟิลเลอร์ราคาเท่าไหร่ และควรเลือกแบบไหนดี ไปหาคำตอบกันค่ะ
สารบัญ ฉีดฟิลเลอร์ราคาเท่าไหร่
ฉีดฟิลเลอร์ราคากี่บาท อะไรบ้างที่ส่งผลต่อราคา
ฉีดฟิลเลอร์ราคาถูกหรือแพง ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ เพราะฟิลเลอร์แต่ละรุ่นมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ทั้งเนื้อฟิลเลอร์ ขนาดของโมเลกุล ค่าความอุ้มน้ำ ความยืดหยุ่น ความคงตัว ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับปริมาณของฟิลเลอร์ ตำแหน่งที่ฉีด รวมถึงมาตรฐานของคลินิก และความชำนาญของแพทย์ ฉะนั้นการฉีดฟิลเลอร์จึงไม่ควรเลือกที่ราคาถูกเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ฉีดฟิลเลอร์ราคา แต่ละยี่ห้อยอดนิยม
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้การฉีดฟิลเลอร์ราคาแตกต่างกันคือยี่ห้อของฟิลเลอร์ ยกตัวอย่าง 5 ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมสูง และผ่านการรับรองจาก อย. ดังนี้
1. Juvederm
ฟิลเลอร์ juvederm เป็นฟิลเลอร์คุณภาพจากประเทศสหรัฐอเมริกา ผลิตโดยบริษัท Allergan และนำเข้าโดยบริษัท Allergan Thailand เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมสูง เพราะผ่านการรับรองจากทั้ง อย. ไทย, สหรัฐอเมริกา (USFDA) และยุโรป (EDQM) และมีส่วนผสมของยาชาทุกรุ่น ช่วยลดความเจ็บขณะฉีด รวมถึงมีจุดเด่นของเทคโนโลยีในการผลิต ได้แก่
- Hylacross ช่วยให้ฟิลเลอร์อุ้มน้ำได้ดี เนื้อฟิลเลอร์จึงมีความฟู เนียนละเอียด ยืดหยุ่น ทนต่อการขยับ เหมาะสำหรับเพิ่มมิติให้ใบหน้า เช่น ใช้แก้ปัญหาแก้มตอบ ร่องแก้มลึก
- Vycross เนื้อฟิลเลอร์จะมีความอุ้มน้ำน้อยกว่า แต่ยึดเกาะกันดี มีความหนาแน่นสูง จึงมีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการยกกระชับ ให้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนสม่ำเสมอ ดูเป็นธรรมชาติ
2. Restylane
ฟิลเลอร์ Restylane จากสวีเดน นำเข้าโดยบริษัท Galderma เป็นฟิลเลอร์แบรนด์แรกของโลกที่ถูกคิดค้นและพัฒนามาอย่างยาวนาน ได้รับการยอมรับจากแพทย์ทั่วโลก และถูกนำไปใช้มากกว่า 70 ประเทศ ทั้งยังมีฟิลเลอร์ให้เลือกหลายรุ่น เป็นตัวเลือกที่สามารถนำมาฉีดในตำแหน่งต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม และมีจุดเด่นของเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะในการผลิต คือ
- NASHA Technology เนื้อฟิลเลอร์มีลักษณะคงรูป (Firm Gel) ฉีดแล้วไม่ไหล เหมาะสำหรับใช้ยกกระชับผิว ให้ผลลัพธ์คงอยู่ยาวนาน โอกาสแพ้หรือระคายเคืองน้อย
- OBT Technology เนื้อฟิลเลอร์มีความอ่อนนุ่ม ยืดหยุ่น เนียนไปกับผิว เหมาะสำหรับบริเวณที่มีการขยับ หรือแสดงสีหน้าเยอะ รวมถึงคนที่ผิวบาง
3. Belotero
ฟิลเลอร์ Belotero จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำเข้าโดยบริษัท Merz Aesthetic Thailand กล่องมีสีสันสดใส บางคนนิยมเรียกว่า Colorful Filler ผลิตด้วยเทคโนโลยี CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ Belotero ทำให้เนื้อฟิลเลอร์ยืดเกาะกันดี มีความยืดหยุ่นสูง ปั้นทรงขึ้นรูปได้ง่าย ฉีดแล้วกลืนไปกับผิวได้อย่างเรียบเนียน ไม่เป็นก้อน
นอกจากนี้ฟิลเลอร์ Belotero รุ่น Revive ยังเป็นรุ่นแรกที่นำกลีเซอรอล (Glycerol) ผสมคู่กับสารไฮยาลูรอนิก แอซิด เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเน้นผลลัพธ์เรื่องความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวให้ฉ่ำวาว สุขภาพดี
4. Definisse
ฟิลเลอร์ Definisse จากประเทศอิตาลี ผลิตโดยบริษัท Relife Company ใช้เทคโนโลยี XTR (eXcellent Three-Dimensional Reticulation) ในการผลิต มีจุดเด่นในการยกกระชับ และพยุงผิว เหมาะสำหรับฉีดเสริมในชั้นกระดูก เติมริ้วรอยร่องลึก และปรับรูปหน้า ช่วยให้หลังฉีดไม่บวมน้ำ และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ทันทีหลังฉีด
อีกหนึ่งจุดเด่นคือ ฟิลเลอร์ Definisse เป็นแบรนด์เดียวที่ใช้ไซริงค์ที่ผลิตจากแก้วคุณภาพพรีเมียม (Innovative Glass syringe) ถูกออกแบบมาให้มีแรงอัดขณะฉีดต่ำ ช่วยลดแรงกด ทำให้แพทย์ใช้งานได้อย่างสะดวก ผู้รับบริการไม่เจ็บ ซึ่งในปัจจุบันมีรุ่นที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย ทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่
5. Neuramis
ฟิลเลอร์ Neuramis จากประเทศเกาหลีใต้ นำเข้าโดยบริษัท Medyceles ประเทศไทย ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ใช้สารเติมเต็มไฮยาลูรอนิก แอซิด จากบริษัท Shiseido ซึ่งเป็นบริษัทเครื่องสำอางชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ควบคู่กับเทคโนโลยี SHAPE (Stabilized Hyaluronic Acid & Purification Enhacement) ทำให้ฟิลเลอร์มีความคงตัวสูง เหมาะสำหรับเติมเต็มผิวชั้นลึก แต่ไม่เหมาะสำหรับผิวชั้นตื้น ฉีดแล้วจะเห็นเป็นก้อนได้
ฉีดฟิลเลอร์ราคา แต่ละจุดใช้กี่ CC ราคาเท่าไหร่
ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้แต่ละบริเวณจะต่างกันไปตามปัญหาของแต่ละคน ก่อนฉีดแพทย์จะประเมินและคำนวณปริมาณที่เหมาะสมให้เป็นรายบุคคล ทั่วไปปริมาณที่ใช้กับตำแหน่งต่าง ๆ มีดังนี้ (ราคาเป็นราคาโดยประมาณ อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับยี่ห้อและคลินิกที่เลือกค่ะ)
ฉีดฟิลเลอร์ราคาถูก ระวังอันตราย
หากเจอโปรโมชั่นฉีดฟิลเลอร์ราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อถือ ไม่ควรมั่นใจคิดว่าได้ของดีราคาถูก และไม่ควรซื้อมาฉีดด้วยตัวเองเด็ดขาด เพราะอาจได้ฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. เพราะจริง ๆ แล้วต้นทุนฟิลเลอร์ของแต่ละคลินิกไม่ได้ต่างกันมาก ให้สงสัยว่าอาจจะเป็นฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะเมื่อฉีดไปแล้วอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้
นอกจากนี้ ควรศึกษาวิธีการสังเกตฟิลเลอร์แท้ และควรตรวจสอบคลินิกที่ได้มาตรฐาน หรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนฉีดทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพในระยะยาว
วิธีสังเกตฟิลเลอร์แท้
- ฟิลเลอร์ต้องอยู่ในกล่องบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิท ไม่มีรอยแกะ ไม่ผ่านการเปิดมาก่อน
- ชื่อยี่ห้อ ชื่อรุ่น ที่ปรากฏบนกล่องสะกดถูกต้อง ตัวหนังสือชัดเจน
- มีเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ภายในกล่อง
- บนกล่องระบุวันหมดอายุ, เลขทะเบียน อย. และเลข Lot. ไว้อย่างชัดเจน
- เลข Lot. บนกล่องต้องตรงกับเลข Lot. บนหลอดฟิลเลอร์ที่อยู่ภายในกล่อง
- สามารถนำเลข Lot. ไปเช็กกับบริษัทนำเข้าได้เพื่อความสบายใจ
- บางยี่ห้อสามารถสแกน QR CODE เพื่อตรวจสอบว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ได้ เช่น ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane และ Neuramis
สรุป
สรุปแล้วการ ฉีดฟิลเลอร์ราคา จะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่น ปริมาณ และคลินิกที่ใช้บริการ โดยเฉลี่ยราคาเริ่มต้นที่ 10,000 บาทขึ้นไปต่อ CC ซึ่งบางยี่ห้อก็เป็นฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพดี ราคาไม่แพงมาก เมื่อเทียบกับอายุการใช้งานที่อยู่ได้นาน 6 – 18 เดือน ก็ถือว่าคุ้มค่า
การเลือกฟิลเลอร์ไม่ควรคำนึงราคาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเลือกรุ่นให้เหมาะกับตำแหน่งที่ฉีดด้วย และต้องตรวจเช็กให้แน่ใจว่าฟิลเลอร์นั้นเป็นของแท้ เพื่อผลลัพธ์ที่ออกมาสวยงามและปลอดภัย