หัตถการแต่ละชนิดมีระยะเวลาในการเห็นผลไม่เท่ากัน บางอย่างทำแล้วเห็นผลได้เลยทันทีหลังทำ บางอย่างอาจจะเห็นผลหลังทำเพียงเล็กน้อย และต้องใช้เวลาอีกหลายวัน หรือหลายสัปดาห์กว่าจะเห็นผลเต็มที่ สำหรับการฉีดฟิลเลอร์จัดอยู่ในกลุ่มหัตถการที่เห็นผลเร็ว เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ไขปัญหาแบบเร่งด่วน และผลข้างเคียงน้อย แต่หลังฉีดฟิลเลอร์กี่วันเข้าที่ และจะต้องดูแลตัวเองหลังทำอย่างไรบ้าง ไปหาคำตอบกันได้ในบทความนี้เลย
อ่านเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์คืออะไร ช่วยอะไร ฉีดตรงไหนได้บ้าง [พร้อมรีวิว]
สารบัญ ฉีดฟิลเลอร์กี่วันเข้าที่
ฟิลเลอร์สามารถฉีดตรงไหนได้บ้าง
ฟิลเลอร์สามารถฉีดได้ทุกจุดทั่วใบหน้า เช่น หน้าผาก ขมับ แก้ม ใต้ตา คาง ริมฝีปาก จมูก และกรอบหน้า ขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไข โดยแบ่งได้เป็น 2 กรณี คือ
- ฉีดเพื่อลดริ้วรอย เช่น ตีนกา ร่องมุมปาก ร่องแก้ม ร่องใต้ตา ระหว่างคิ้ว ฯลฯ ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกเหล่านี้ให้ดูตื้นขึ้น ผิวก็จะดูเต่งตึงอ่อนเยาว์ ซึ่งคุณหมอต้น (นพ.สฤษดิ์ ตันติอภิชาต) แห่ง Amarante Clinic ได้คิดค้นการฉีดฟิลเลอร์ด้วยเทคนิค Royal Lift เป็นเทคนิคเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร ช่วยยกกระชับใบหน้าให้ดูอ่อนกว่าวัย ให้ผลลัพธ์ที่ดูละมุน
- ฉีดเพื่อแก้ไขจุดบกพร่อง และปรับสัดส่วนของใบหน้า เช่น ฉีดคางให้ยาวขึ้น ฉีดจมูกให้โด่งขึ้น ฉีดหน้าผากให้โหนกนูน ฉีดปากให้อวบอิ่มดูเซ็กซี่มากขึ้น เป็นต้น

หลังฉีดฟิลเลอร์ กี่วันเข้าที่และเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
การฉีดฟิลเลอร์คือ การฉีดสารไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid หรือ HA) เข้าไปใต้ผิวหนัง ซึ่งจะทำให้เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว เจ็บตัวน้อย แต่ในช่วงแรกจะยังมีอาการบวมอยู่ หรือเรียกง่ายๆ ว่ายังไม่เข้าที่ดี ดังนั้นคำถามที่ว่าฉีดฟิลเลอร์กี่วันเข้าที่ ก็ต้องรอให้อาการบวมยุบลงประมาณ 2-3 วัน และต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อให้ฟิลเลอร์สมานเข้ากับเนื้อเยื่อผิว จะทำให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้น
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์
อาการข้างเคียงหลังการฉีดฟิลเลอร์ขึ้นอยู่กับบุคคล รวมถึงเทคนิคที่แพทย์ใช้ อาการที่พบได้บ่อย เช่น หลังยาชาหมดฤทธิ์จะเริ่มมีอาการปวดตึง ปวดระบม สามารถกินยาแก้ปวดทุกๆ 4 ชั่วโมง เพื่อบรรเทาอาการได้ หรืออาการบวมตึง มีรอยแดง เขียวช้ำ จุดแดงจากรอยเข็ม อาการเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ ไม่อันตราย และจะค่อยๆ ดีขึ้นเองจนหายสนิทใน 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้หากมีความผิดปกติอื่นๆ เช่น มีอาการปวดมากเป็นเวลานาน ผิวบริเวณที่ฉีดอักเสบ มีตุ่มหนอง มีอาการแสบร้อน ผิวแดงผิดปกติ เป็นก้อนบวมนูน ควรรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด
นอกจากนี้ยังมีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์ไม่ได้มาตรฐาน หรือแพทย์ไม่มีความชำนาญมากพอ ก็อาจทำให้ฟิลเลอร์ไหลไปบริเวณอื่นจนใบหน้าผิดรูป ฟิลเลอร์เป็นก้อน ผิวเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียนสม่ำเสมอ เกิดเนื้อตาย เป็นต้น
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่ไม่ควรละเลย เพราะจะส่งผลให้อาการบวมหายเร็ว ฟิลเลอร์เข้าที่ไว และอยู่ได้นานมากขึ้น โดยมีสิ่งที่ควรทำและควรหลีกเลี่ยง ดังนี้
- งดทาครีมหรือแต่งหน้าในช่วง 24 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ หรือนอนตะแคง ให้นอนหงายโดยยกศีรษะสูงใน 48 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการกดทับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
- ห้ามบีบ กด นวด คลึง เกา บริเวณที่ฉีด จะทำให้ฟิลเลอร์ผิดรูป หรือเคลื่อนไปตำแหน่งอื่นได้
- หลีกเลี่ยงความร้อน ทำกิจกรรมกลางแจ้ง ออกกำลังกาย อบไอน้ำ ซาวน่า สปา หรือนั่งทานอาหารหน้าเตา ในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีด
- หากฉีดฟิลเลอร์คาง ให้งดการเท้าคาง หรือใส่หมวกกันน็อกที่รัดแน่นใต้คาง
- หากฉีดฟิลเลอร์ปาก ให้งดดูดน้ำด้วยหลอด 12 ชั่วโมงแรก รวมถึงงดอาหารร้อนจัด เผ็ดจัด และงดดึงหรือลอกหนังริมฝีปาก
- งดการทำเลเซอร์เป็นเวลา 1 เดือน
- งดอาหารที่มีรสจัด อาหารเผ็ดจัด อาหารหมักดอง อาหารสุกๆ ดิบๆ จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ หายช้า และเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด 2 สัปดาห์ หากทำไม่ได้จริงๆ ให้งดอย่างน้อย 48 ชม.
- ดื่มน้ำมากๆ เพราะฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ จะช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น
- หากมีความผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์

บทสรุป
ทุกคนก็คงจะได้คำตอบกันแล้วว่า ฉีดฟิลเลอร์กี่วันเข้าที่ เพราะแม้จะเห็นผลได้ทันที แต่จะเห็นผลชัดเจนและเข้าที่จริงๆ ก็ต้องรอให้อาการบวมหาย และฟิลเลอร์กลืนเข้ากับผิวก่อน ประมาณ 2-3 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ รวมถึงเทคนิคของแพทย์ หากแพทย์มีความชำนาญ ฉีดแล้วจะบวมช้ำน้อย เข้าที่เร็ว อย่างที่ Amarante Clinic มีทีมแพทย์ที่ผ่านการทำเคสด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยตรง มีทักษะ ความรู้ ประสบการณ์ รวมถึงความใส่ใจในรายละเอียด และพิถีพิถันในการฉีดฟิลเลอร์ให้กับทุกเคส เพื่อผลลัพธ์ที่ดี และเป็นธรรมชาติมากที่สุด นอกจากนี้ยังดูแลและติดตามผลไปจนถึงหลังเข้ารับบริการด้วย ท่านใดที่สนใจสามารถนัดหมายเข้ามาขอคำปรึกษากับคุณหมอได้เลย