หน้าผากเป็นอีกหนึ่งจุดที่คนนิยมฉีดฟิลเลอร์กันมาก เพราะนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยยับย่น เป็นร่องลึก รวมถึงปัญหาหน้าผากยุบ แคบ แบน หรือบุ๋มได้แบบไม่ต้องเจ็บตัวแล้ว ก็ยังสามารถช่วยปรับหน้าผากให้โหนกนูน เป็นมงคล ส่งเสริมให้ชีวิตรุ่งเรืองมากขึ้นได้อีกด้วย
สำหรับท่านใดที่กำลังหาข้อมูลต่างๆ อยู่ เช่น ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากราคาเท่าไหร่ บวมกี่วัน เจ็บไหม ต้องฉีดกี่ CC ฉีดที่ไหนดี ยี่ห้อไหนดี ฯลฯ ทาง Amarante Clinic ก็ได้รวบรวมมาให้ในบทความนี้เรียบร้อยแล้ว
สารบัญ ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
โปรแกรม ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ดีไหม เหมาะกับใคร

หน้าผากมีพื้นที่มากถึงประมาณ 1 ใน 3 ของใบหน้า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดกับหน้าผาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของริ้วรอยยับย่น เป็นร่องลึก หรือปัญหาหน้าผากยุบ แคบ แบน บุ๋ม จึงมีผลบั่นทอนความมั่นใจได้เป็นอย่างมาก ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์นั้น หากทำอย่างเหมาะสม ก็จะช่วยเข้ามาแก้ปัญหาเหล่านี้ได้
1. ผู้ที่หน้าผากมีริ้วรอยยับย่น เป็นร่องลึก
อายุที่มากขึ้น แสงแดด มลภาวะ เหล้า บุหรี่ ความเครียด ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเอื้อให้เกิดริ้วรอยยับย่นบนหน้าผากมากขึ้น บางคนก็อาจเกิดร่องลึกจนเห็นได้ชัด ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากก็จะสามารถช่วยแก้ริ้วรอยต่างๆ ส่งผลให้ใบหน้าดูเรียบเนียนอ่อนเยาว์มากขึ้น
2. ผู้ที่มีหน้าผากแบนหรือแคบ
หน้าผากแบน คือลักษณะหน้าผากที่ขาดความโค้งมน เมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นเป็นแนวเฉียงลงมา ส่วนหน้าผากแคบ คือการมีสัดส่วนใบหน้าตั้งแต่โคนผมถึงคิ้ว แคบกว่าบริเวณคิ้วถึงปลายจมูกและบริเวณปลายจมูกถึงปลายคางอย่างชัดเจน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์นั้น ก็จะสามารถช่วยปรับหน้าผากให้โหนกนูนและได้สัดส่วนมากขึ้น
3. ผู้ที่มีหน้าผากยุบหรือบุ๋ม
หน้าผากมีรอยยุบหรือบุ๋มจะเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม อุบัติเหตุ โรคบางชนิด ความเสื่อมของกระดูกและชั้นไขมันที่เกิดขึ้นตามวัย เป็นต้น โดยการฉีดฟิลเลอร์ก็จะมีส่วนช่วยเติมเต็มรอยยุบหรือบุ๋ม ให้หน้าผากดูเรียบมากขึ้น
อ่านเพิ่มเติม : ฟิลเลอร์คืออะไร ช่วยอะไร ฉีดตรงไหนได้บ้าง [พร้อมรีวิว]
โปรแกรม ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก VS หัตถการอื่นๆ
หัตถการแต่ละชนิดก็จะมีข้อดีและข้อเสีย รวมถึงมีข้อจำกัดที่ต่างกัน ผู้ที่สนใจจะเข้ารับหัตถการใดๆ ก็ตาม ทางที่ดีก็ควรศึกษาข้อมูลและรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถึงตัวเลือกต่างๆ ให้ถี่ถ้วนเสียก่อน อย่างในกรณีของการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากนั้น ก็จะสามารถเปรียบเทียบกับหัตถการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ดังนี้
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก (Forehead Filler Injection) จะเป็นการฉีดสารเติมเต็มใกล้เคียงธรรมชาติ อย่างกรดไฮยารูลอนิก (Hyaluronic Acid หรือ HA) เข้าสู่ชั้นผิวบริเวณหน้าผาก โดยจะมีข้อดีคือ ไม่เจ็บและไม่ต้องผ่าตัดเปิดแผลเหมือนการทำศัลยกรรม เห็นผลได้ทันที ไม่มีช่วงพักฟื้นที่ต้องคอยดูแลแผล มีความเสี่ยงน้อยกว่า ปรับเปลี่ยนแก้ไขภายหลังได้ง่ายกว่า
ส่วนข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ก็จะประกอบไปด้วย ผลที่ได้ไม่ได้คงอยู่ถาวร เพราะฟิลเลอร์สลายได้เองตามธรรมชาติ ส่วนมากจะภายใน 1-2 ปี จึงต้องมีการเติมฟิลเลอร์เพิ่ม (บางคนอาจมองเป็นข้อดี เพราะสามารถปรับเปลี่ยนทรงหน้าผากได้ในภายหลัง) และหากทำโดยแพทย์ที่ขาดความเชี่ยวชาญหรือมีการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ก็อาจก่อให้เกิดผลเสียและอันตรายต่างๆ ได้ เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อนแข็ง ฟิลเลอร์ย้อย ฟิลเลอร์เป็นคลื่น ฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด เป็นต้น
ผ่าตัดทำศัลยกรรมเสริมหน้าผาก
การทำศัลยกรรมเสริมหน้าผาก (Forehead Augmentation) จะเป็นการผ่าตัดเพื่อเสริมหน้าผากด้วยซิลิโคน โดยจะมีข้อดีคือได้ผลลัพธ์ที่คงอยู่ถาวร แต่ก็มีข้อเสียได้แก่ ต้องผ่าตัดเปิดแผล มีช่วงพักฟื้นนาน ต้องคอยดูแลแผลช่วงพักฟื้น ต้องรอนานกว่าจะเห็นผล และหากต้องการแก้ไขในภายหลังก็จะทำได้ลำบาก
ฉีดไขมันหน้าผาก
การฉีดไขมันหน้าผาก (Forehead Fat Grafting) จะใช้ไขมันที่ดูดมาจากร่างกายบริเวณอื่น เช่น ท้องน้อย สะโพก ต้นขา ฯลฯ ซึ่งผ่านการปั่นจนได้เซลล์ไขมันบริสุทธิ์ โดยจะมีข้อดีคือ ได้ผลลัพธ์ที่คงอยู่ถาวรหากมีเซลล์ไขมันที่ฉีดเหลือรอดมากพอ (ยกเว้นบางกรณี เช่น ผู้ที่มีน้ำหนักลดลงมากในภายหลัง) และมีโอกาสแพ้น้อยมาก แต่ก็มีข้อเสียคือ ไม่เหมาะกับผู้ที่ผอมมาก ทำให้เกิดแผลผ่าตัดเพิ่มในบริเวณที่ดูดไขมัน รวมถึงอาจเกิดปัญหาหน้าผากเป็นคลื่นและอาจต้องฉีดหลายรอบ เพราะเซลล์ไขมันบางส่วนอาจฝ่อและตายลงภายในช่วง 6 เดือนหลังฉีด
ฉีดโบท็อกซ์หน้าผาก
การฉีดโบท็อกซ์หน้าผาก (Forehead Botox Injection) จะเป็นการฉีดโปรตีนจากแบคทีเรียที่มีฤทธิ์รบกวนการทำงานของระบบประสาท ส่งผลให้กล้ามเนื้อทำงานลดลง ริ้วรอยบนหน้าผากที่เกิดจากกล้ามเนื้อจึงน้อยลง โดยจะมีข้อดีคือ เห็นผลได้เร็ว และสามารถช่วยลดริ้วรอยบนหน้าผากเมื่อแสดงสีหน้าได้ด้วย แต่ก็มีข้อเสียคือ จะเห็นผลกับริ้วรอยร่องลึกได้ค่อนข้างจำกัด และผลที่ได้ก็จะคงอยู่ชั่วคราวเท่านั้น ต้องมีการฉีดใหม่ทุกๆ 3-6 เดือน ทั้งยังไม่สามารถแก้ปัญหาหน้าผากแคบ แบน ยุบ หรือบุ๋มได้
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
เมื่อศึกษาข้อมูลและรับคำปรึกษาและการประเมินจากแพทย์จนมั่นใจแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นการเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งก็จะมีข้อแนะนำดังนี้
- งดยาและอาหารเสริมบางชนิด เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแน็ก ยาต้านอักเสบกลุ่ม NSAIDs อื่นๆ กระเทียมสกัด โสมสกัด น้ำมันปลา วิตามินอี เป็นต้น เพราะจะทำให้เสี่ยงเกิดรอยช้ำหรือเลือดออกมากผิดปกติ โดยจะแนะนำให้เลี่ยงเป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนฉีด
- ดูแลผิวบริเวณหน้าผากอย่างเหมาะสม งดการรบกวนผิวหนังบริเวณหน้าผาก เช่น แว็กซ์ขน โกนขน ขัดผิว หรือใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง โดยจะแนะนำให้เลี่ยงเป็นเวลา 3 วันก่อนฉีด
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นเหล้า เบียร์ ไวน์ ฯลฯ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด เพราะจะทำให้เสี่ยงเกิดรอยช้ำได้ง่ายขึ้น
- งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย เล่นกีฬา อบไอน้ำ ซาวน่า อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด
- ให้ข้อมูลทางการแพทย์อย่างครบถ้วน ได้แก่ ประวัติการทำหัตถการความงามที่ผ่านมา ประวัติการแพ้ยาหรือสารใดๆ โรคประจำตัวทั้งหมด ยาและอาหารเสริมที่ใช้เป็นประจำ เพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัยที่สุด
ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
หลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากก็จะมีข้อห้ามและข้อแนะนำในการดูแลตัวเองดังต่อไปนี้
- นอนนิ่งๆ หลังฉีดเสร็จ ประมาณ 5-10 นาที หรือตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อให้ฟิลเลอร์ได้มีช่วงกระจายตัวอย่างเหมาะสม
- รับประทานยาตามที่แพทย์จ่ายอย่างเคร่งครัด เพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงหลังฉีด
- ดูแลร่างกายให้ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ ทั้งจากอาหารและน้ำดื่ม เพราะฟิลเลอร์จะอาศัยการจับกับโมเลกุลน้ำ เพื่อให้อิ่มฟูได้รูปและสามารถคงอยู่ได้ยาวนาน
- งดแต่งหน้า ภายในช่วง 24 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อเลี่ยงการรบกวนฟิลเลอร์
- เลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะด้วยมือหรือสิ่งอื่น ภายในช่วง 2 วันหลังฉีด เพื่อป้องกันปัญหาฟิลเลอร์เคลื่อน
- เลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ ภายในช่วง 2 วันหลังฉีด เพื่อป้องกันปัญหาฟิลเลอร์เคลื่อน
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ อย่างน้อย 2 วันหลังฉีด เพราะจะทำให้ช้ำง่ายขึ้น และอาจทำให้ขาดสติในการควบคุมดูแลตัวเอง
- งดใช้ยาหรือสกินแคร์ผลัดเซลล์ผิว ภายในช่วง 3 วันหลังฉีด เพราะอาจทำให้ผิวคัน แสบ หรือระคายเคือง
- เลี่ยงไม่ให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์โดนความร้อน เช่น โดนแดด น้ำอุ่น น้ำร้อน ไดร์เป่าผม ซาวน่า ไอจากการทำอาหาร ภายในช่วง 2 สัปดาห์หลังฉีด
- เลี่ยงทำหัตถการบริเวณที่ฉีด ภายในช่วง 2 สัปดาห์หลังฉีด หากมีความจำเป็นจริงๆ ให้ปรึกษาแพทย์อย่างถี่ถ้วนเสียก่อน
- อาจประคบเย็นเมื่อมีอาการบวม โดยใช้ Cool Pack หรือถุงน้ำแข็งห่อด้วยผ้าสะอาด
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากกี่วันเข้าที่

หลังฉีดฟิลเลอร์อาจมีอาการบวมเล็กน้อย ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มดีขึ้นภายใน 2-3 วัน และจะเข้าที่อย่างเต็มที่ภายใน 2 สัปดาห์ ระยะเวลาดังกล่าวนี้ จะขึ้นอยู่กับการเตรียมตัวก่อนฉีดและการดูแลตัวเองหลังฉีดของแต่ละคนด้วย
ฟิลเลอร์หน้าผากอยู่ได้นานแค่ไหน

โดยทั่วไปแล้ว ฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานไม่เกิน 1-2 ปี โดยระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้ การดูแลตัวเองหลังฉีด สภาพร่างกายของแต่ละคน เป็นต้น
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากยี่ห้อไหนดี
ตัวอย่างยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่มีความเหมาะสมในการฉีดหน้าผากก็อย่างเช่น
- Juvederm Volbella ฟิลเลอร์จากอเมริกา ผ่าน อย. ไทย มีจุดเด่นคือ มีเนื้อนิ่ม มีโมเลกุลขนาดเล็กและมีความละเอียดสูง ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียน แม้จะฉีดตื้น
- Restylane Vital ฟิลเลอร์จากสวีเดน ผ่าน อย. ไทย มีจุดเด่นคือ มีเนื้อนิ่ม เกลี่ยง่าย
- Restylane Volyme ฟิลเลอร์จากสวีเดนอีกรุ่นหนึ่ง ผ่าน อย. ไทย มีจุดเด่นคือ มีเนื้อนิ่ม พองตัวได้มาก
ทั้งนี้ การเลือกยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่จะฉีดก็ควรอิงตามดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นหลัก ซึ่งแพทย์ก็จะประเมินจากลักษณะและความหนักเบาของปัญหา ตลอดจนความต้องการของผู้รับบริการ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การฉีดหน้าผากที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละเคส
ราคาโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก
โดยปกติแล้ว ฟิลเลอร์จะคิดราคาเป็นต่อ 1 CC หรือ 1 หลอด หากผู้รับบริการมีปัญหาที่ต้องใช้ฟิลเลอร์เยอะ ราคาก็จะต้องสูงขึ้นตาม โดยจะคิดได้ด้วยการคูณราคาต่อหน่วยเข้าไป เช่น หากราคาฟิลเลอร์อยู่ที่ 15,000 บาทต่อ 1 CC ในกรณีที่ต้องฉีด 3 CC ก็จะคิดเป็นราคาทั้งสิ้น 45,000 บาท
ทั้งนี้ ราคาของฟิลเลอร์จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับหลากหลายองค์ประกอบ ตัวอย่างเช่น
- ชนิดและคุณภาพของฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์มีหลากหลายประเภทหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งก็จะมีคุณสมบัติและคุณภาพที่ต่างกัน การเลือกฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูงแม้จะช่วยส่งเสริมหัตถการให้มีผลลัพธ์ที่ดีขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับต้นทุนที่สูงขึ้นตามไปด้วย
- มาตรฐานของคลินิก การฉีดฟิลเลอร์ที่ได้ผลดีและปลอดภัย จะต้องอาศัยคลินิกที่ได้มาตรฐาน ทั้งในแง่ของสถานที่ เครื่องมืออุปกรณ์ ตลอดจนบุคลากรที่มีความเป็นมืออาชีพ
- ความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ให้บริการ แพทย์ที่มีความชำนาญสูงแม้จะหาได้ยากและมีค่าบริการที่แพงกว่า แต่ก็จะมีผลดีต่อผลลัพธ์และความปลอดภัยของหัตถการเป็นอย่างมาก
การเลือกฉีดฟิลเลอร์หน้าผากไม่ควรเลือกเฉพาะจากราคาถูก เพราะมีโอกาสสูงที่จะพบปัญหาต่างๆ เช่น ฟิลเลอร์ปลอม แพทย์เถื่อน แพทย์ขาดความเชี่ยวชาญ คลินิกไม่ได้มาตรฐาน ฯลฯ ซึ่งในกรณีที่เกิดปัญหากับใบหน้า นอกจากจะต้องเสียเงินเพื่อแก้ไขแล้ว ก็ยังอาจทำให้สูญเสียความมั่นใจและเกิดปัญหาสุขภาพจิตตามมาได้อีกด้วย
ฟิลเลอร์หน้าผากต้องฉีดกี่ CC

ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับลักษณะและความหนักเบาของปัญหาในแต่ละเคส แต่คร่าวๆ แล้วจะใช้ 1-2 CC กรณีที่ต้องการแก้หน้าผากยุบหรือริ้วรอยร่องลึก และจะใช้ 3-5 CC หรืออาจมากกว่านั้น ในกรณีที่ต้องการปรับหน้าผากให้โหนกนูน ช่วยเสริมโหงวเฮ้ง
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ที่ไหนดี
การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาก็จะประกอบไปด้วย
- คลินิกได้รับใบอนุญาตตามกฎหมาย คลินิกที่ได้มาตรฐานต้องมีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย มิเช่นนั้นก็จะเข้าข่ายเป็นคลินิกเถื่อน
- ใช้ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน ฟิลเลอร์ที่ใช้ควรผ่านการรับรองจาก อย. และควรถูกจัดเก็บอย่างเหมาะสม ไม่เสื่อมสภาพและไม่หมดอายุ
- แพทย์มีความเชี่ยวชาญ เพราะความรู้ความเชี่ยวชาญของแพทย์ จะมีผลต่อผลลัพธ์และความปลอดภัยของการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเป็นอย่างมาก
- ราคาค่าบริการไม่ถูกจนเกินไป คลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่มีราคาถูกมากๆ แม้มองผิวเผินจะเป็นเหมือนข้อดี แต่แท้จริงแล้วกลับพ่วงมาด้วยความเสี่ยงต่างๆ มากมาย เช่น แพทย์ขาดประสบการณ์ ใช้ฟิลเลอร์ปลอม ใช้ฟิลเลอร์เสื่อมสภาพ สถานที่และเครื่องมืออุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐาน พนักงานขาดความเป็นมืออาชีพ เป็นต้น
- มีรีวิวฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ไม่ว่าจะเป็นรูปหรือคลิปวิดีโอก่อน-หลังการฉีด เพราะจะเป็นสิ่งที่ช่วยการันตีถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยให้ผู้รับบริการมีความคาดหวังที่ตรงกับความเป็นจริงมากขึ้น
- มีความจริงใจต่อผู้รับบริการ โดยอาจสังเกตได้จากการให้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมา ไม่โฆษณาโอ้อวดเกินจริง ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง และไม่ยัดเยียดขายบริการที่ไม่จำเป็น
รีวิวโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ที่ Amarante Clinic
Amarante Clinic อยู่ภายใต้การนำของ นพ. สฤษดิ์ ตันติอภิชาต หรือคุณหมอต้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งได้รับเกียรติให้เป็นอาจารย์สอนแพทย์ฉีดฟิลเลอร์ ในตำแหน่ง AMI Trainer ประจำประเทศไทย
ด้วยมาตรฐานการรักษาและบริการที่เป็นเลิศ เริ่มตั้งแต่การคัดเลือกทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์ ความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนของการรักษา ไปจนถึงการให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและตรงไปตรงมา Amarante Clinic จึงได้รับความไว้วางใจจากผู้รับบริการเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มียอดการใช้ฟิลเลอร์ติดอันดับต้นๆ ของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องทุกปี




คำถามที่พบบ่อย (FAQ) ฟิลเลอร์หน้าผาก
นอกจากข้อมูลข้างต้นแล้ว ทาง Amarante Clinic ก็ยังได้รวบรวมคำถามเกี่ยวกับฟิลเลอร์หน้าผากที่มักจะได้รับอยู่บ่อยๆ มาให้ชมกันในที่นี้ด้วย ซึ่งก็ได้แก่
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากบวมกี่วัน
อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากส่วนใหญ่จะเริ่มดีขึ้นภายใน 2-3 วัน และมักจะหายเป็นปกติไม่เกิน 2 สัปดาห์หลังฉีด
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากอันตรายไหม
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากโดยทั่วไปแล้วจะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็อาจก่อให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ ได้ชั่วคราว เช่น บวม แดง คัน มีรอยช้ำ รู้สึกปวดตึง และบางรายก็อาจเกิดอาการแพ้ได้
ทั้งนี้ การเลือกแพทย์และคลินิกที่ได้มาตรฐาน จะมีความสำคัญต่อการป้องกันและรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงช่วยป้องกันอันตรายที่เกิดจากแพทย์เถื่อนหรือฟิลเลอร์ปลอม อย่างเช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อนแข็ง ฟิลเลอร์ย้อย ฟิลเลอร์เป็นคลื่น ฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด อักเสบ ติดเชื้อ เป็นต้น
ฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเจ็บไหม
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากโดยทั่วไปจะมีการแปะยาชาและประคบน้ำแข็งระหว่างฉีด ผู้รับบริการส่วนใหญ่จึงไม่ได้มีปัญหาเรื่องรู้สึกเจ็บ แต่หลังจากที่ฉีดแล้ว บางคนก็อาจมีอาการบวม แดง คัน มีรอยช้ำ หรือรู้สึกปวดตึงได้บ้าง ซึ่งก็จะเริ่มดีขึ้นภายใน 2-3 วัน และส่วนมากจะหายเป็นปกติไม่เกิน 2 สัปดาห์
หน้าผากที่ช่วยเสริมมงคลคือแบบไหน
ลักษณะโหงวเฮ้งหน้าผากที่ดีจะต้องกว้าง นูน เรียบเนียน ดูสว่างผ่องใส ไม่มีริ้วรอย แผล ไฝ หรือรอยตำหนิอื่นๆ โดยเชื่อว่าผู้ที่มีหน้าผากลักษณะนี้จะมีวาสนาดี มีความเจริญรุ่งเรือง และมีดวงรับทรัพย์