ฝ้า ปัญหาสีผิวที่ไม่เลือกเพศ ไม่ว่าใครก็มีโอกาสเป็นฝ้ากันได้ทั้งนั้น หากออกแดดเป็นเวลานานๆ แม้ว่าฝ้าจะไม่ได้เป็นอันตรายกับผิวมากนัก แต่อาจทำให้หลายคนเสียความมั่นใจ และพยายามหาวิธีรักษาฝ้าสารพัด ไม่ว่าซื้อยามารับประทานหรือทาครีมรักษาฝ้า ซึ่งก็ใช่ว่าจะได้ผลกับทุกคน เราลองมาทำความเข้าใจก่อนว่าฝ้าคืออะไรและวิธีรักษาฝ้าให้หายต้องทำอย่างไร?
สารบัญ วิธีรักษาฝ้า
-
ฝ้า (Melasma) เกิดจากสาเหตุอะไร?
-
ลักษณะของฝ้าเป็นอย่างไร? และใครเป็นฝ้าได้บ้าง?
-
ฝ้ามีกี่ประเภท?
-
ปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้ามีอะไรบ้าง?
-
วิธีรักษาฝ้าให้ได้ผลมีอะไรบ้าง?
-
โปรแกรม Picosure คืออะไร? และช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
-
โปรแกรม Picosure PRO Laser ต่างจากโปรแกรม Picosure Laser อย่างไร?
-
ทำเลเซอร์กี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
-
รีวิวรักษาฝ้าด้วยโปรแกรม Picosure Laser
-
รีวิวรักษาฝ้าด้วยโปรแกรม Picosure Pro Laser
ฝ้า (Melasma) เกิดจากสาเหตุอะไร?
ในร่างกายของเราจะมีเซลล์ที่มีชื่อว่าเซลล์เมลาโนไซต์ (Melanocyte) คอยทำหน้าที่ผลิตเมลานิน (Melanin) หรือเม็ดสีผิวตามผิวหนังของเรา เพื่อช่วยปกป้องผิวและช่วยดูดซับรังสียูวี (UV) ไม่ให้ทำร้ายผิว ซึ่งฝ้าเกิดจากการผลิตเม็ดสีที่มากกว่าปกติของเจ้าเซลล์ตัวนี้นี่เอง
ลักษณะของฝ้าเป็นอย่างไร? และใครเป็นฝ้าได้บ้าง?
ฝ้ามีลักษณะเป็นจุดหรือรอยปื้นสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้มหรือดำ มีขนาดใหญ่กว่ากระ สามารถพบได้หลายตำแหน่งบนใบหน้าที่สัมผัสแสงแดด ได้แก่ โหนกแก้มทั้ง 2 ข้าง หน้าผาก ขมับ เหนือริมฝีปาก และจมูก ส่วนมากจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะผู้หญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย และพบในคนที่มีอายุประมาณ 30-40 ปีขึ้นไป

ฝ้ามีกี่ประเภท?
ฝ้าที่เราเห็นเป็นปื้นๆ บนใบหน้าไม่ได้มีแค่ชนิดเดียว ยังสามารถแบ่งออกได้อีกหลายประเภท ซึ่ง วิธีรักษาฝ้า แต่ละประเภทมีความยากง่ายแตกต่างกัน โดยทางการแพทย์นั้นจะมีอยู่ทั้งหมด 3 ประเภท ได้แก่
- ฝ้าแบบตื้น (Epidermal Melasma) มีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาล เห็นขอบชัดเจน อยู่ในชั้นผิวหนังกำพร้า (ผิวหนังชั้นนอก) มีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่าย สามารถรักษาให้จางลงได้
- ฝ้าแบบลึก (Dermal Melasma) มีลักษณะเป็นสีม่วงอมน้ำเงิน เห็นขอบไม่ชัดเจน อยู่ลึกลงไปในชั้นผิวหนังแท้ ซึ่งลึกกว่าชั้นผิวหนังกำพร้า จึงทำให้รักษายากกว่าฝ้าแบบตื้น
- ฝ้าแบบผสม (Mixed Melasma) เป็นการผสมของฝ้า 2 ชนิดคือ ฝ้าแบบตื้นและฝ้าแบบลึก มีลักษณะเป็นสีเข้ม เห็นขอบจางๆ เกิดขึ้นในบริเวณเดียวกันที่ชั้นผิวหนังกำพร้าและชั้นผิวหนังแท้


ปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้ามีอะไรบ้าง?
ฝ้าสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย โดยอาจเกิดขึ้นได้จากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันหรือพันธุกรรมที่มีมาแต่กำเนิด โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้า ได้แก่
- แสงแดด เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดฝ้า เนื่องจากแสงแดดมีรังสี UVA และ UVB ที่กระตุ้นให้เกิดฝ้าหรือทำให้เป็นฝ้ามากขึ้น โดยทุกคนมีโอกาสเกิดขึ้นได้ หากได้รับแสงแดดโดยตรงและเป็นเวลานาน
- ฮอร์โมน ส่วนใหญ่พบในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือรับประทานยาคุมกำเนิดบ่อยๆ เนื่องจากฮอร์โมนเพศหญิงจะไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีมากขึ้น หลังจากคลอดบุตรหรือหยุดยา อาจทำให้ฝ้าจางลง
- ยาบางประเภท เช่น ยากันชัก อาจทำให้ผู้ที่รับประทานมีรอยฝ้าและผื่นดำคล้ำขึ้นบนใบหน้า
- เครื่องสำอาง ในเครื่องสำอางบางชนิดอาจใส่สารให้กลิ่นหอมหรือสี ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดรอยฝ้าได้ หากคนที่ใช้เครื่องสำอางมีอาการแพ้
- พันธุกรรม คนเอเชียมีโอกาสเกิดฝ้าได้ง่ายกว่าคนผิวขาว หรือหากคนใดคนหนึ่งในครอบครัวมีประวัติเคยเป็นฝ้า สมาชิกคนอื่นก็มีโอกาสเป็นด้วยเช่นกัน

วิธีรักษาฝ้า ให้ได้ผลมีอะไรบ้าง?
1.วิธีรักษาฝ้า โดยใช้ยารักษา
ควรเลือกยาในกลุ่มสารไฮโดรควิโนน กรดวิตามินเอ ยาทาประเภทคอร์ติโคสเตอรอยด์ กรดอะเซลาอิค เป็นต้น เพราะยาเหล่านี้จะช่วยให้ฝ้าจางลง และยับยั้งการสร้างเม็ดสี
2.ทำทรีตเมนต์ผลัดเซลล์ผิว
การทำทรีตเมนต์รูปแบบนี้จะนำกรดผลไม้อ่อนๆ เช่น AHA หรือ BHA มาช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออกอย่างอ่อนโยน ซึ่งจะทำให้ฝ้าจางลงไปด้วย แต่วิธีนี้อาจรู้สึกแสบคันในขณะที่ทำ หากใครมีผิวแพ้ง่าย ก็อาจเกิดอาการแพ้ได้
3.ทาครีมรักษาฝ้า
นอกจากการกินยาแล้ว ยังสามารถรักษาฝ้าได้ด้วยการทาครีมที่มีส่วนประกอบของ AHA อาร์บูติน หรือกรดโคจิก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าหลุดออก ลดจุดด่างดำ แต่อาจต้องใช้เป็นเวลานานกว่าจะเห็นผล
4.รักษาฝ้าด้วยเลเซอร์
วิธีรักษาฝ้า เป็นวิธีหนึ่งที่เห็นผลได้ชัดเจนหลังทำ โดยเลเซอร์จะทำให้เม็ดสีที่อยู่รวมกันใต้ชั้นผิวหนังจนเกิดเป็นฝ้าแตกกระจายตัวออก หลังจากนั้นร่างกายจะกำจัดเม็ดสีเหล่านี้ผ่านกระบวนการธรรมชาติ ซึ่งรอยฝ้าจะจางหายไป ทำให้สีผิวบนใบหน้าสม่ำเสมอกัน ปัจจุบัน การทำเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมมากก็คือ การทำเลเซอร์กับโปรแกรม Picosure หรือโปรแกรม Picosure PRO Laser ซึ่งจะทำให้เม็ดสีแตกตัวได้อย่างละเอียดกว่า และสามารถรักษาฝ้าที่ดื้อต่อการรักษาได้

โปรแกรม Picosure คืออะไร? และช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
โปรแกรม PicoSure คือการทำเลเซอร์ โดยใช้เครื่องเลเซอร์ของโปรแกรม PicoSure laser ซึ่งสามารปล่อยคลื่นเลเซอร์ความถี่สูงด้วยความเร็วสูง 1 ครั้งต่อ 1 ในล้านล้านวินาที (Picosecond) โดยจะมีหัวเลเซอร์ที่ใช้ในการยิงตามแต่ละปัญหาผิว จึงทำให้เม็ดสีเมลานิน ( Melanin) ที่อยู่ใต้ผิวหนังแตกกระจายออก หลังจากนั้นเม็ดสีที่แตกตัวเหล่านี้ก็จะเข้าสู่กระบวนการกำจัดซากเซลล์ของร่างกาย ทำให้เม็ดสีถูกย่อยสลายได้ง่ายขึ้น
นอกจากจะสามารถกำจัดรอยฝ้าบนใบหน้าได้แล้ว โปรแกรม Picosure ยังสามารถส่งพลังงานไปยังชั้นใต้ผิวหนัง ซึ่งทำให้ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินด้วย อีกทั้งยังช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้หลากหลาย ได้แก่
- รักษารอยดำ รอยแดง และรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว
- กำจัดจุดด่างดำและกระ
- ปรับผิวหมองคล้ำและไม่สดใส ให้ดูกระจ่างใสขึ้น
- ลบรอยปานดำบนใบหน้าและตามลำตัว
- ช่วยกระชับรูขุมขน
- ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
- ลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า
- ลบรอยสัก

โปรแกรม Picosure PRO Laser ต่างจากโปรแกรม Picosure Laser อย่างไร?
โปรแกรม Picosure PRO Laser คือเทคโนโลยีใหม่ที่ได้รับการพัฒนาจาก Picosure รุ่นเดิม โดยมีการปรับพลังงานให้สูงขึ้นกว่าเดิมจาก 200 mj เป็น 300 mj และเพิ่มหัวใหม่ที่มีขนาด 5 มม. ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับ Platinum Focus Lens ได้ ทำให้เหมาะกับการรักษารอยโรคที่อยู่ในชั้นลึกได้ดียิ่งขึ้นหรือในพื้นที่การรักษาขนาดเล็กได้ดียิ่งกว่า รวมถึงมีโหมด Turbo ที่ช่วยในการลบรอยสักได้ดีกว่า Picosure รุ่นเดิม
จุดเด่นของโปรแกรม Picosure PRO Laser ที่น่าสนใจมีดังนี้
- ช่วยลดระยะเวลาในการรักษาลง 33% จึงทำให้ผิวหนังไม่ถูกทำลายมากนัก
- สามารถปรับช่วงพลังงานได้ในแต่ละหัวยิง (Handpiece) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามากยิ่งขึ้น
- ลดจำนวนครั้งในการรักษา และเห็นผลได้ชัดเจนหลังทำ
- รักษารอยโรคที่อยู่ในชั้นลึกได้ดียิ่งขึ้น และสามารถปรับการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยลดระยะเวลาการรอสำหรับผู้ป่วยและแพทย์ผู้ให้การรักษา


ทำเลเซอร์กี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
โดยทั่วไป การทำเลเซอร์ฝ้าจะเห็นผลลัพธ์หลังทำตั้งแต่ครั้งแรก และจะต้องมาทำเลเซอร์รักษาฝ้าประมาณ 3-10 ครั้ง ฝ้าถึงจะจางหายไป แต่เมื่อทำเลเซอร์ด้วยโปรแกรม Picosure Laser หรือโปรแกรม Picosure PRO Laser จะทำแค่ประมาณ 3-5 ครั้งก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนแล้ว โดยต้องห่างกันครั้งละ 2-4 สัปดาห์
รีวิวรักษาฝ้าด้วยโปรแกรม Picosure Laser
รีวิวรักษาฝ้าด้วยโปรแกรม Picosure Pro Laser
โปรแกรม Picosure PRO Laser และโปรแกรม Picosure Laser ทำที่ไหนได้บ้าง?
หากใครสนใจอยากจะทำเลเซอร์ฝ้ากับโปรแกรม Picosure PRO Laser และโปรแกรม Picosure Laser ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน สะอาด มีใบอนุญาตประกอบกิจการ และมีทีมแพทย์ที่มากประสบการณ์ให้บริการทำเลเซอร์ Amarante Clinic มีโปรแกรม Picosure PRO Laser และโปรแกรม Picosure Laser ที่สามารถรักษาปัญหาฝ้า รวมถึงปัญหาผิวอื่นๆ ซึ่งรักษาโดยทีมแพทย์ที่มีความชำนาญและประสบการณ์ด้านเลเซอร์และความงามมากกว่า 18 ปี จึงมั่นใจได้เมื่อมาทำเลเซอร์ที่ Amarante Clinic

Amarante Clinic ประสบความสำเร็จด้วยคนไข้จำนวนมากนำมาซึ่งรางวัลมากมาย จากทั้งฝีมือและความสามารถที่ได้พิสูจน์แล้ว ว่าเป็นคลินิกที่มียอดใช้โปรแกรม Picosure Laser สูงสุดในประเทศไทย 4 ปีซ้อน รางวัลใหญ่สุด จาก Aesla และดีกรีรางวัลระดับเอเชียแปซิฟิกด้านคลินิกความงามรวมถึงด้านเลเซอร์ชั้นนำในเอเชีย ในงาน Global Health Asia Pacific 2023
🏆 คลินิกที่มีคนไข้มาใช้บริการโปรแกรม Picosure Laser สูงสุดในประเทศไทย 4 ปีซ้อน (2020-2023)
🏆 ตอกย้ำความเป็นผู้นำเรื่องเลเซอร์ในไทย และเอเชีย กับล่าสุดคว้า 2 รางวัลใหญ่ในการเป็น Leader ด้านใช้โปรแกรม Picosure เลเซอร์ และ ผู้บุกเบิกในการใช้งานโปรแกรม Picosure PRO เลเซอร์ ในงาน Aesla Awards 2023
🏆 รางวัลจากงานนิตยสารแพรว 4 ปีซ้อน (2020-2023) ที่สุดแห่งการรักษาฝ้ากระ จุดด่างดำ เลเซอร์ยอดเยี่ยม PRAEW ICONIC BEAUTY ETERNITY’ คว้า 2 รางวัลใหญ่ (2020-2023)
🏆 รางวัลจากงานนิตยสารสุดสัปดาห์ 2 ปีซ้อน เลเซอร์ยอดเยี่ยมด้านการรักษาฝ้ากระ จุดด่างดำ
🏆 รางวัลจากงานเดลินิวส์ THE BEST OF DAILY BEAUTY 2023 BY DAILYNEWS คว้ารางวัลใหญ่สุด
🏆 รางวัล Medical Aesthetic Clinic of the Year in Asia Pacific จากงาน GlobalHealth Asia Pacific 2023 คว้า 2 รางวัลใหญ่ระดับเอเชียแปซิฟิก