ฝ้า ปัญหาผิวรักษายาก แต่สามารถดูแลรักษาให้จางลงได้ด้วย “เลเซอร์ฝ้า” เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ใช้รักษาฝ้าได้อย่างรวดเร็ว และเป็นมิตรกับผิว ซึ่งในบทความจะอธิบายว่าเลเซอร์รักษาฝ้าคืออะไร สามารถทำให้ฝ้าจางลงได้จริงไหม รวมถึงมีวิธีเตรียมตัวก่อนทำ และดูแลตัวเองหลังทำอย่างไรบ้าง
สารบัญ เลเซอร์ฝ้า
เลเซอร์ฝ้า คืออะไร
เลเซอร์ฝ้า คือ เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สามารถช่วยลดเลือนรอยฝ้าให้จางลงอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยพลังงานรูปแบบต่างๆ เช่น พลังงานแสงเลเซอร์ พลังงานความร้อนที่มีความจำเพาะสูงยิงลงลึกสู่ชั้นผิวเพื่อทำให้เม็ดสีสาเหตุของการเกิดฝ้าที่จับตัวแน่นกันอยู่ในชั้นผิวแตกตัวเป็นอนุภาคเล็กๆ และถูกกำจัดออกจากร่างกายตามธรรมชาติ โดยไม่ทำร้าย หรือรบกวนเนื้อเยื่อบริเวณโดยรอบน้อยที่สุด ถือเป็นวิธีการรักษาฝ้าที่มีความปลอดภัยต่อผิว
ข้อดีการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์

ลดเลือนฝ้าได้ตรงจุด
เพราะพลังงานที่ปล่อยออกมามีความจำเพาะสูง สามารถจับกับเม็ดสีใต้ชั้นผิวได้แม่นยำ ทำให้เลเซอร์ฝ้าถือเป็นหนึ่งในวิธีที่สามารถช่วยลดเลือนฝ้าได้แบบตรงจุด
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
นอกจากคุณสมบัติที่ช่วยลดเลือนรอยฝ้าได้อย่างตรงจุดแล้ว เลเซอร์ฝ้ายังมีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างไฟโบรบลาสต์ เซลล์ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิวทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นสูง และมีความเนียนใสมากยิ่งขึ้นด้วย
เห็นผลลัพธ์เร็ว
การทำเลเซอร์ฝ้าเป็นวิธีรักษาฝ้าที่เห็นผลการเปลี่ยนแปลงของผิวว่ารอยฝ้าแลดูจางลง ผิวเนียนใสกว่าเดิมได้ตั้งแต่ครั้งแรกๆ ที่เข้ารับบริการ และเห็นผลเต็มที่ใน 4-6 สัปดาห์หลังทำ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงฝ้า และสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ไม่ต้องผ่าตัด
เลเซอร์ฝ้าเป็นวิธีลดเลือนฝ้าโดยไม่ต้องผ่าตัด หรือกังวลเรื่องรอยแผลเป็นหลังทำ ที่สำคัญเป็นวิธีที่พักฟื้นไม่นาน เพียง 1-3 วันเท่านั้นก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทั้งนี้ในกรณีที่รักษาฝ้าด้วยเลเซอร์แบบตกสะเก็ด สะเก็ดแผลจะหลุดลอกเองใน 7 วันหลังทำ
ข้อจำกัดการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์
ถึงเลเซอร์ฝ้าจะเป็นวิธีลดเลือนฝ้าที่ได้รับความนิยมเพราะสามารถดูแลปัญหาฝ้าได้ตรงจุด เห็นผลเร็ว และอ่อนโยนต่อผิว แต่ก็มีข้อจำกัดในการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์บางประการที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเลเซอร์รักษาฝ้า ดังนี้
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
เพราะการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์เป็นการยิงพลังงานลงลึกสู่ชั้นผิว หลังทำอาจมีอาการบวม แดง แสบร้อนผิวเป็นปกติซึ่งสามารถใช้วิธีประคบเย็น หรือทานยาตามที่แพทย์สั่งเพื่อบรรเทาอาการได้ ขณะเดียวกันในกรณีที่รักษาฝ้าแบบตกสะเก็ดก็อาจมีสะเก็ดแผลเกิดขึ้นได้เป็นปกติ เช่น ซึ่งสามารถจางหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์หลังทำ
ทั้งนี้หากเข้ารับบริการเลเซอร์ฝ้ากับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ ไม่มีความรู้ในการตั้งค่าพลังงานที่เหมาะสม เช่น พลังงานต่ำไปจนทำให้ผลลัพธ์การรักษาฝ้าไม่เป็นไปตามที่หวัง หรือตั้งค่าพลังงานสูงเกินไปจนทำให้ผิวไหม้ เกิดจุดด่างขาว ทิ้งรอยดำ หรือเกิดรอยแผลเป็นรักษายากได้ ซึ่งควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อหาแนวทางการดูแลรักษาที่ถูกวิธีต่อไป
ฝ้าสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้
ถึงแม้ว่าเลเซอร์ฝ้าจะสามารถลดเลือนฝ้าได้อย่างตรงจุด แต่ก็มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เกิดฝ้าที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น พันธุกรรม และหากไม่เข้ารับการเลเซอร์ฝ้าอย่างต่อเนื่อง หรือมีการดูแลตัวเองหลังเลเซอร์ที่ไม่เหมาะสม เช่น สัมผัสแสงแดดจัดโดยตรงเป็นประจำ ขาดการทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
ราคาค่อนข้างสูง
เพราะเลเซอร์ฝ้าจำเป็นต้องเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง และหลายครั้งเพื่อให้เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน บวกกับต้องอาศัยเทคโนโลยีเลเซอร์ฝ้าที่มีความทันสมัย ได้มาตรฐาน ประสิทธิภาพสูง จึงทำให้ราคาในการทำเลเซอร์ฝ้าแต่ละครั้ง หรือแต่ละคอร์สสูงตามไปด้วยนั่นเอง แนะนำสอบถามราคารายครั้ง รายคอร์ส หรือแพ็กเกจเลเซอร์รักษาฝ้าจากหลายๆ ที่เทียบกันเพื่อประกอบการตัดสินใจ
ฝ้า คืออะไร เกิดจากอะไร
ฝ้า (Melasma) ปัญหาผิวที่เกิดจากการสะสมของเม็ดสีใต้ผิวหนังที่มีปริมาณมากผิดปกติ พบได้บ่อยบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก และจมูก มีลักษณะเป็นจุด แผ่น หรือปื้นสีน้ำตาล ขอบเขตไม่ชัดเจน อาจมีขนาดเล็กไม่กี่มิลลิเมตร หรือใหญ่เป็นแผ่นขนาดหลายเซนติเมตรก็ได้
สาเหตุของการเกิดฝ้า

ฝ้านั้นเกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีเมลานินใต้ชั้นผิว และจะมีปริมาณที่มากกว่าปกติเมื่อถูกปัจจัยอื่นกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็น
แสงแดด
ในแสงแดดมีรังสี UV ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดฝ้าอย่างรังสี UVB แทรกซึมเข้าสู่ผิวบริเวณชั้นผิวหนังกำพร้า ทำให้ผิวเกิดอาการไหม้แดด ส่งผลให้ร่างกายผลิตเม็ดสีเพิ่มมากขึ้นเพื่อลดความเสียหายของผิวหนัง ผิวบริเวณที่สัมผัสแดดจึงมีลักษณะคล้ำ และเกิดเป็นปัญหาฝ้าได้
ขณะที่รังสี UVA นั้นจะแทรกซึมเข้าสู่ผิวชั้นหนังแท้ มีคุณสมบัติกระตุ้นสารอนุมูลอิสระที่ทำให้ผิวชั้นลึกเกิดความเสียหาย ร่างกายจึงผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ทำให้เกิดปัญหาความผิดปกติของเม็ดสีในผิวชั้นลึกที่รักษายากในที่สุด
พันธุกรรม
หากคนในครอบครัวที่มีประวัติเป็นฝ้า ก็มีโอกาสที่จะถ่ายทอดพันธุกรรมจากรุ่นสู่รุ่นได้ เนื่องจากการส่งต่อยีนที่เกี่ยวกับการสร้างเมลานินในชั้นผิวมีความผิดปกติ ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดปัญหาฝ้า รอยด่างดำ หรือผิวหมองคล้ำไม่สม่ำเสมอบนผิวได้ง่าย
ฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนก็มีส่วนกระตุ้นการเกิดฝ้าได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ ใช้ยาคุมกำเนิด ที่มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นสร้างเซลล์เม็ดสีโดยเฉพาะ หากขาดสมดุลแล้ว ก็มีโอกาสที่จะทำให้เกิดฝ้าบนผิวในที่สุด
แสงสีฟ้า
แสงสีฟ้า หรือแสงที่มีความยาวคลื่น 450-495 nm พบได้บ่อยในอุปกรณ์สื่อสารที่เราใช้ชีวิตประจำวัน โดยสามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวได้ถึงระดับชั้นหนังกำพร้า และบางส่วนอาจแทรกซึมถึงชั้นผิวหนังแท้ จึงมีส่วนกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติ และส่งผลให้เกิดปัญหาฝ้าในที่สุดได้
ประเภทของฝ้า

ฝ้าที่เกิดขึ้นในชั้นผิวนั้นมีอยู่ด้วยกันหลากหลายประเภทแตกต่างไปตามระดับความลึกที่ปรากฏในชั้นผิว และแบ่งตามรูปลักษณ์ได้ดังนี้
ฝ้าตื้น
ฝ้าที่เกิดขึ้นอยู่บนผิวชั้นหนังกำพร้า หรือผิวด้านบน มีลักษณะเป็นจุด หรือปื้นสีน้ำตาลเห็นได้ชัดเจน ซึ่งเป็นประเภทฝ้าที่รักษาได้ง่ายด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์รักษาฝ้า การทำทรีตเมนต์รักษาฝ้า
ฝ้าลึก
ขณะที่ฝ้าตื้นเกิดอยู่ในชั้นผิวหนังกำพร้า ฝ้าลึกจะหมายถึงฝ้าที่สะสมอยู่ในระดับลึกลงไป หรือในผิวชั้นหนังแท้ มีลักษณะปื้นสีน้ำตาลเข้มจนถึงสีเทา ลักษณะขอบฝ้าไม่ชัดเจน ถือเป็นประเภทฝ้าที่รักษายาก แต่ช่วยลดเลือนให้จางลงได้ด้วยการใช้เลเซอร์รักษาฝ้า
ฝ้าแดด
ฝ้าที่เกิดจากการสัมผัสรังสี UV ในแสงแดด และแสงสีฟ้าเป็นประจำ ส่วนใหญ่มีลักษณะรอยสีน้ำตาล เทา หรืออาจเข้มขึ้นเป็นสีดำอย่างเห็นได้ชัด หรืออาจมีอาการแสบร้อนร่วมด้วย หากสัมผัสแสงแดดจัดเป็นเวลานาน โดยสามารถดูแลให้ฝ้าแดดจางลงได้ด้วยการหมั่นทาครีมกันแดดประสิทธิภาพสูง ใช้กรดผลัดเซลล์ผิวเพื่อลดความหมองคล้ำ หรืออาจใช้เลเซอร์เพื่อลดรอยฝ้าได้เช่นกัน ทั้งนี้แนะนำปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมแต่ละบุคคล
ฝ้าเลือด
ประเภทของฝ้าที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการสะสมของเม็ดสีเมลานินใต้ชั้นผิวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มีการขยายตัวของเส้นเลือดใต้ชั้นผิวที่เกิดจากการสัมผัสแดดเป็นเวลานาน การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน และเกิดการอักเสบ หรือบาดเจ็บบริเวณผิวที่เป็นฝ้า ทำให้ฝ้าแดดมีลักษณะเป็นรอยสีน้ำตาลปนสีแดง หรืออมม่วงเล็กน้อย โดยสามารถดูแลรักษาได้ด้วยเลเซอร์บางชนิดที่ช่วยลดการขยายตัวของเส้นเลือด และเลเซอร์ที่ช่วยลดความหมองคล้ำของผิว
ฝ้าแบบผสม
ถ้าถามว่าประเภทของฝ้าประเภทไหนสามารถพบได้บ่อยที่สุด ก็คือฝ้าแบบผสม ซึ่งเกิดการสะสมของเม็ดสีเมลานินทั้งผิวชั้นบนและผิวชั้นหนังแท้ หรือเป็นปัญหาฝ้าที่เกิดขึ้นร่วมกันฝ้าตื้นผสมกับฝ้าลึกนั่นเอง ทำให้การรักษามีความซับซ้อน เนื่องจากต้องดูแลปัญหาฝ้าให้เหมาะสมกับระดับชั้นผิวที่มีปัญหา และอาจต้องอาศัยแนวทางการรักษาที่หลากหลายเพื่อดูแลปัญหาฝ้าได้อย่างครอบคลุม
จะเห็นได้ว่ามีฝ้าหลากหลายประเภท และแต่ละประเภทก็อยู่ในระดับความลึกของชั้นผิวที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ส่งผลต่อการรักษาที่แตกต่างกันด้วย โดยฝ้าที่สามารถดูแลรักษาให้ดีขึ้นได้ด้วยเลเซอร์ฝ้า ได้แก่ ฝ้าตื้น เนื่องจากอยู่ในระดับผิวชั้นที่ตื้น หรือชั้นหนังกำพร้านั่นเอง หรือถ้าเป็นฝ้าลึกอาจต้องอาศัยความถี่และจำนวนครั้งในการทำมากขึ้นเพื่อผลลัพธ์การรักษาที่เห็นชัด
เลเซอร์ฝ้ามีกี่แบบ เลือกแบบไหนดี
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีในการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์หลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิว สภาพผิว และความต้องการของแต่ละบุคคลที่แตกต่างกันออกไป โดยมีเลเซอร์ฝ้า 3 เครื่องยอดนิยม ดังนี้
Pico Laser
Pico Laser หรือ Picosecond Laser ส่งพลังงานเลเซอร์ความถี่สูงในช่วงเวลาสั้นๆ เพียง 1 ต่อล้านล้านวินาที ทำให้เม็ดสีที่เกาะกลุ่มในชั้นผิวแตกตัวออกอย่างละเอียดและถูกขับออกตามระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และด้วยพลังงานที่ถูกปล่อยออกมารวดเร็ว ทำให้เกิดการสะสมความร้อนที่ต่ำ ไม่ทำลายเนื้อเยื่อโดยรอบเสียหาย หรือเสียหายน้อยที่สุด และป้องกันการเกิดอาการผิวไหม้ ผิวเบิร์นหลังทำได้อีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม : Pico Laser คืออะไร ช่วยอะไร รักษาปัญหาผิวได้ดีจริงไหม
หัวข้อ | รายละเอียด |
---|---|
หลักการทำงาน | เลเซอร์ความยาวคลื่น 3 ช่วง ได้แก่ 532 nm 755 nm และ 1,064 nm มีส่วนช่วยดูแลปัญหาฝ้า และกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวได้ |
ข้อดี | • รักษาฝ้าได้รวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น • มีความยาวคลื่นที่เหมาะกับการดูแลปัญหาผิวที่เกิดจาก• ความผิดปกติของเม็ดสีเมลานินโดยเฉพาะ • มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว • ดูแลปัญหาผิวได้หลากหลาย เช่น ลดจุดด่างดำ รักษาหลุมสิว |
ข้อเสีย | • ราคาค่อนข้างสูง • มีโหมดที่ต้องอาศัยระยะเวลาพักหน้า • จำเป็นต้องเข้ารับบริการต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่เห็นชัด |
เหมาะสำหรับ | • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้าทุกชนิด • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลปัญหาผิวอื่นๆ ร่วมด้วย • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเห็นผลการรักษาฝ้าเร็ว |
Dual Yellow Laser
เลเซอร์ฝ้าที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมิตรกับผิว ไม่ต้องใช้ยาชา หลังทำไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นต้องยกให้ Dual Yellow Laser เลเซอร์รักษาฝ้าที่อาศัยความยาวคลื่น 511 nm ช่วยลดการกระตุ้นการสร้างเม็ดสีใต้ชั้นผิว และ 578 nm ช่วยลดการไหลเวียนเลือดที่หล่อเลี้ยงเม็ดสีเมลานิน ทำให้ช่วยลดเลือนรอยฝ้า จุดด่างดำ ตลอดจนรอยดำ รอยแดงจากสิวได้ตรงจุด
หัวข้อ | รายละเอียด |
---|---|
หลักการทำงาน | เลเซอร์ฝ้าแหล่งกำเนิดจาก Copper และ Bromide เพื่อให้ได้ลำแสงสีเหลือง และสีเขียวช่วยยับยั้งการทำงานของเม็ดสีเมลานินใต้ชั้นผิว |
ข้อดี | • ลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือรอยดำจากสิวได้ดี • อ่อนโยนต่อผิว ไม่รู้สึกเจ็บขณะทำ • ไม่ต้องพักหน้า หรือเสียเวลาพักฟื้นหลังทำ |
ข้อเสีย | • จำเป็นต้องเข้ารับบริการต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่เห็นชัด |
เหมาะสำหรับ | • ผู้ที่มีปัญหาฝ้าตื้น ฝ้าผสม ฝ้าแดด • ผู้ที่มีปัญหาจุดด่างดำ รอยดำจากสิว • ผู้ที่กลัวเจ็บจากการทำเลเซอร์ฝ้าชนิดอื่น |
Q-Switch Laser
สำหรับเทคโนโลยีเลเซอร์ฝ้าอีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมก็คือ Q-Switch Laser ปล่อยพลังงานสูงในระยะเวลาไม่กี่วินาที โดยอาศัยความยาวคลื่น 2 ช่วง ตั้งแต่ 532 nm สำหรับดูแลปัญหาความผิดปกติของเม็ดสีที่อยู่บนผิวชั้นหนังกำพร้า และ 1,064 nm สำหรับดูแลปัญหาผิวชั้นลึก หรือชั้นหนังแท้ ซึ่งมีหลักการทำงานที่ทำให้เม็ดสีแตกตัวออกและถูกทำลายโดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้รอยฝ้าแลดูจางลง
หัวข้อ | รายละเอียด |
---|---|
หลักการทำงาน | เลเซอร์รักษาฝ้าความยาวคลื่น 2 ช่วงสำหรับดูแลได้ทั้งปัญหาฝ้าตื้นที่อยู่ผิวชั้นบน และฝ้าลึกที่อยู่ในผิวชั้นลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
ข้อดี | • ช่วยดูแลปัญหาฝ้าได้หลายรูปแบบ • มีส่วนช่วยดูแลปัญหาผิวอื่นๆ เช่น กระ จุดด่างดำ ริ้วรอย หลุมสิว • ราคาย่อมเยา |
ข้อเสีย | • จำเป็นต้องเข้ารับบริการต่อเนื่องตามที่แพทย์แนะนำ • อาจทิ้งรอยดำ สะเก็ดแผลหลังเลเซอร์ |
เหมาะสำหรับ | • ผู้ที่มีปัญหาฝ้าตื้น ฝ้าลึก • ผู้ที่มีปัญหาผิวเนื่องจากความผิดปกติของเม็ดสี เช่น กระ • จุดด่างดำ รอยดำสิว |
จะเห็นได้ว่าเลเซอร์ฝ้าแต่ละประเภทมีหลักการทำงาน และคุณสมบัติในการตอบโจทย์การรักษาฝ้าที่แตกต่างกันออกไป สำหรับการเลือกเข้ารับบริการเลเซอร์ฝ้าควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว และปัญหาฝ้าที่เผชิญอยู่ เช่น ถ้าต้องการดูแลรักษาฝ้าให้จางเร็ว ควรเลือกเลเซอร์ฝ้าที่มีความยาวคลื่นที่สูง ส่งพลังงานได้ลึกอย่าง Pico Laser หรือ Q-switch Laser แต่หากเน้นการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว เลือกทำ Dual Yellow Laser ก็จะตอบโจทย์มากกว่า
การเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์ฝ้า
ก่อนตัดสินใจทำเลเซอร์ฝ้า ผู้เข้ารับบริการควรศึกษาวิธีปฏิบัติก่อนทำให้พร้อมเพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงระหว่าง หรือหลังเลเซอร์ ไม่ว่าจะเป็น
- เข้าพบแพทย์เพื่อรับการปรึกษา ประเมินปัญหาผิว และทราบถึงแนวทางในการรักษาที่เหมาะกับปัญหาผิว พร้อมแจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว ยาประจำตัว ประวัติแพ้ยาและสารเคมี และอาหารเสริมที่ทานอยู่เป็นประจำ
- ผู้เข้ารับบริการต้องเตรียมตัวให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงเตรียมพร้อมสำหรับการทำเลเซอร์รักษาฝ้า
- งดทำกิจกรรมกลางแจ้งที่เจอแดดจัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนทำเลเซอร์ หากจำเป็นควรทาครีมกันแดดประสิทธิภาพสูงมีค่า SPF50+ PA+ เพื่อครอบคลุมการปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB รวมถึงสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันแดด เช่น แว่นตากันแดด หมวก เสื้อกันยูวี
- งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติผลัดเซลล์ผิว เช่น วิตามิน C กรดผลไม้ (AHA) และผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามิน A เรตินอยด์ทุกชนิดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนทำเลเซอร์ฝ้า
- งดการขัด ถู สครับ โกนหรือถอนขน บริเวณที่ทำการเลเซอร์ฝ้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนเลเซอร์
- งดการสูบบุหรี่ และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนทำเลเซอร์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของผิวหลังทำเลเซอร์ได้
ขั้นตอนการทำเลเซอร์ฝ้า
สำหรับเลเซอร์ฝ้ามีระยะเวลาในการทำไม่นานนัก ประมาณ 45 นาที – 1 ชั่วโมงเท่านั้น ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของฝ้าและบริเวณที่ต้องการรักษาฝ้าของแต่ละบุคคล โดยมีขั้นตอนในการทำเลเซอร์รักษาฝ้า ดังนี้
- เข้าพบแพทย์เพื่อสอบถามความพร้อมของผู้เข้ารับบริการ ประเมินปัญหาผิวและรับทราบถึงแนวทางการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์ฝ้า และเซ็นต์ใบยินยอมก่อนเริ่มขั้นตอนการรักษาฝ้า
- ทำความสะอาดผิว เช็ดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกบนผิวที่ต้องทำการเลเซอร์ฝ้าออกให้สะอาดด้วยคลีนซิ่งสูตรอ่อนโยน และเช็ดให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ในกรณีที่ต้องแปะยาชาจะใช้ระยะเวลารอให้ยาชาออกฤทธิ์ 30-45 นาที และยาชาที่ใช้จะต้องได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันอาการระคายเคืองผิวขณะทำ โดยก่อนเริ่มทำการเลเซอร์แพทย์จะมีการยิงทดสอบความรู้สึกก่อนว่ายาชาออกฤทธิ์แล้วหรือไม่ ถ้าผู้เข้ารับบริการรู้สึกชาแล้วจะเริ่มยิงเลเซอร์ในขั้นตอนถัดไป
- แพทย์เริ่มทำการเลเซอร์ตามที่ออกแบบการรักษาไว้เบื้องต้น ขณะทำบางคลินิกอาจมีการเป่าลมเย็น หรือประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดระหว่างยิงเลเซอร์ ที่สำคัญขณะทำผู้เข้ารับบริการจำเป็นต้องสวมแว่นตากันแสงเลเซอร์เพื่อปกป้องดวงตาด้วย
- หลังเลเซอร์ฝ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาจมีการทายาเพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองผิว และเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว พร้อมกับแพทย์จะประเมินปัญหาผิว ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังทำ และนัดหมายติดตามผลในครั้งต่อๆ ไป
การดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์ฝ้า

เพื่อเป็นการไม่ให้ฝ้ากลับมาเป็นซ้ำอีก หรือมีขนาดใหญ่ขึ้น และเพื่อป้องกันผลข้างเคียง ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังเลเซอร์ฝ้า แนะนำปฏิบัติตัวตามวิธีดูแลตัวเองหลังเลเซอร์รักษาฝ้าตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด เช่น
- หากหลังทำมีอาการปวด แดง ซึ่งถือเป็นอาการปกติที่พบได้บ่อยหลังทำ จะทุเลาได้เองภายใน 1-2วัน ทั้งนี้แนะนำประคบเย็นด้วยการใช้ผ้า หรือเจลเย็นประคบเพื่อบรรเทาอาการได้ แต่หากเป็นนาน หรือมีอาการปวด แดงรุนแรงผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันที
- หากยิงเลเซอร์รักษาฝ้าแบบตกสะเก็ด งดการสัมผัส แกะ เกา ถู ขัดสะเก็ดแผลเด็ดขาด เพราะอาจทำให้แผลติดเชื้อ หรือทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ฉะนั้นควรปล่อยให้สะเก็ดแผลหลุดลอกตามธรรมชาติไปเอง
- งดอยู่กลางแดดจัด หรือให้ผิวสัมผัสแดดเป็นระยะเวลานาน และควรทาครีมกันแดดประสิทธิภาพสูง มีค่า SPF50+ และ PA+ เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV ได้อย่างครอบคลุม และควรเลือกสูตรที่เหมาะสำหรับผิวบอบบาง เพื่อป้องกันอาการระคายเคืองผิว รวมถึงสูตรกันน้ำ กันเหงื่อเพื่อการปกป้องผิวที่ยาวนานขึ้นร่วมด้วย
- งดทำกิจกรรมที่ทำให้อุณหภูมิผิวสูง เช่น อบไอน้ำ ซาวน่า ทำสปา อาบน้ำอุ่นอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์หลังทำ
- เลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติผลัดเซลล์ผิว เช่น วิตามิน C, AHA รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามิน A เพื่อป้องกันอาการระคายเคืองผิวอย่างน้อย 1 เดือน
- หมั่นเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์อยู่เสมอ และดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน เพื่อเร่งกระบวนการฟื้นฟูสภาพผิว และป้องกันผิวแห้งลอกหลังเลเซอร์ฝ้า
- ควรงดการแต่งหน้า หรือใช้เครื่องสำอางอย่างน้อย 1 สัปดาห์ หากจำเป็นควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่ปราศจากส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือสารกันเสีย เพื่อป้องกันอาการระคายเคืองผิวหลังทำเลเซอร์
- งดการทำเลเซอร์ หรือหัตถการอื่นๆ ชั่วคราวอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อให้ผิวหลังทำเลเซอร์ฝ้าได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่ก่อน
เลเซอร์ฝ้า ราคาเท่าไหร่
สำหรับราคาของการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบริเวณที่ต้องการทำการรักษา หรือระดับความรุนแรงของฝ้าที่แต่ละบุคคลเผชิญอยู่ รวมถึงปัจจัยดังต่อไปนี้
1. เทคโนโลยีเลเซอร์ฝ้าที่ใช้
เลเซอร์สำหรับการรักษาฝ้านั้นมีอยู่หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น Pico Laser, Dual Yellow Laser และ Q-switch Laser ซึ่งแต่ละประเภทนั้นมีคุณสมบัติและประสิทธิภาพในการดูแลรักษาปัญหาผิวที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ราคาเลเซอร์ฝ้าจึงสูงไปตามระดับมาตรฐานของเลเซอร์แต่ละเครื่อง
2. จำนวนครั้งที่ต้องเข้ารับการรักษา
เลเซอร์รักษาฝ้าจำเป็นต้องอาศัยความต่อเนื่องในการรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เห็นชัด ทำให้คลินิกส่วนใหญ่ตั้งราคาขายเลเซอร์ฝ้าเป็นคอร์ส หรือจำเป็นต้องเข้ารับบริการตามจำนวนครั้งตามที่แพทย์แนะนำ
3. ประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์ผู้ทำการรักษา
ยิ่งแพทย์มีประสบการณ์ ความชำนาญ รวมถึงมีชื่อเสียงในด้านการใช้เครื่องเลเซอร์รักษาฝ้ามากเท่าไหร่ ก็มีโอกาสที่ราคาในการเข้ารับบริการทำเลเซอร์ฝ้าจะสูง หรือแพงมากขึ้นเท่านั้น
4. ชื่อเสียงและมาตรฐานของคลินิก
นอกจากชื่อเสียงของแพทย์แล้ว ชื่อเสียงของคลินิกก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาเลเซอร์ฝ้าแตกต่างกันไปในแต่ละที่เช่นเดียวกัน และถ้าหากมีการใช้เครื่องเลเซอร์ประสิทธิภาพสูง ได้มาตรฐานร่วมด้วย ก็ส่งผลต่อราคาเลเซอร์ได้ด้วย
โดยราคาโดยประมาณของเลเซอร์ฝ้าแต่ละประเภท มีดังนี้
ประเภทเลเซอร์ฝ้า | จุดเด่น | ราคาโดยประมาณ (ต่อครั้ง) |
---|---|---|
Pico Laser | เลเซอร์ฝ้าพลังงานสูงส่งผลให้เม็ดสีแตกตัวอย่างละเอียด ทำให้ฝ้าจางลง และมีส่วนช่วยดูแลปัญหาผิวได้หลากหลาย | 5,500-30,000 บาท |
Dual Yellow Laser | เลเซอร์ลำแสงสีเหลือง และเขียว ช่วยลดเลือนรอยฝ้า กระ จุดด่างดำได้ดี ที่สำคัญไม่เจ็บผิว ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ | 5,000-12,000บาท |
Q-Switch Laser | เลเซอร์ฝ้าที่สามารถช่วยรักษาได้ทั้งฝ้าตื้นและฝ้าลึกได้ดี รวมถึงดูแลปัญหาผิวอื่นๆ ที่เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีได้ | 3,000-12,000 บาท |
ทั้งนี้ราคาดังกล่าวเป็นเพียงราคาโดยประมาณ แนะนำสอบถามรายละเอียดราคา หรือโปรโมชั่นของเลเซอร์แต่ละประเภทกับทางคลินิกโดยตรงอีกครั้ง
เลเซอร์ฝ้าที่ไหนดี เลือกอย่างไร
หากไม่มั่นใจว่าจะเลือกทำเลเซอร์ฝ้าที่ไหนดี แนะนำศึกษาจากปัจจัยดังต่อไปนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจ
ความชำนาญของแพทย์
สำหรับการดูแลรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาดหวัง ตอบโจทย์ปัญหาผิวที่กำลังเผชิญอยู่ได้ตรงจุด เบื้องต้นแนะนำให้เลือกเข้ารับบริการเลเซอร์ฝ้าจากความชำนาญของแพทย์ที่ให้บริการ ว่าสามารถให้คำปรึกษา ประเมินปัญหาผิว และออกแบบการรักษาได้ดีหรือไม่ ที่สำคัญควรเป็นแพทย์จริง ที่สามารถตรวจสอบ หรือค้นหาข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์แพทยสภาได้ด้วย
มาตรฐานของคลินิก
คลินิกที่เข้ารับบริการเลเซอร์ฝ้าควรเป็นคลินิกที่มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีใบรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข มีมาตรฐานความสะอาด บุคลากรในคลินิกแต่งกายสะอาดเรียบร้อย เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้สะอาดปลอดเชื้อ
รวมถึงเลือกใช้เครื่องเลเซอร์ของแท้ได้มาตรฐานร่วมด้วย สามารถตรวจสอบได้จากการสอบถามแหล่งที่มา หรือเช็กจากเอกสารรับรองของบริษัทผู้ผลิตได้ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้ผลลัพธ์การรักษาฝ้าที่ดี ป้องกันอาการแทรกซ้อน หรือผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่างๆ ได้ดี
รีวิวจากผู้ใช้บริการ
การเลือกคลินิกทำเลเซอร์ฝ้าที่มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างมาก เพราะจะสามารถช่วยให้เราได้เปรียบเทียบปัญหาผิวที่เป็นอยู่กับในรีวิวว่าแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน และดูว่าผลลัพธ์เลเซอร์ฝ้าตอบโจทย์เราได้หรือไม่
ราคาเลเซอร์ฝ้า
การเข้ารับบริการเลเซอร์ฝ้า ควรเข้ารับบริการในคลินิกที่มีราคาการทำเลเซอร์ที่สมเหตุสมผล ไม่แพง หรือถูกมากจนเกินไป หรือแนะนำราคาเลเซอร์ฝ้าของแต่ละคลินิกเพื่อประกอบการตัดสินใจได้เช่นกัน ว่าคลินิกไหนราคาถูกแพงต่างกันมากน้อยแค่ไหน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เลเซอร์ฝ้า
เลเซอร์ฝ้าเจ็บไหม
ความเจ็บปวดเจ็บมากน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่โดยปกติแล้วการทำเลเซอร์ฝ้าจะรู้สึกเหมือนหนังยางดีดผิว ซึ่งเป็นระดับความเจ็บที่อดทนได้ หรือหากกังวลว่าจะรู้สึกเจ็บปวดมากเกินไป บางคลินิกอาจมีการใช้เครื่องเป่าลมเย็น ที่ประคบเย็นระหว่างเลเซอร์เพื่อให้รู้สึกสบายผิวมากขึ้นระหว่างทำ หรือมีการแปะยาชาก่อนทำเลเซอร์เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด ทั้งนี้ในผู้ที่แปะยาชาก่อนทำเลเซอร์ฝ้า ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นยาชาที่ได้มาตรฐาน มิเช่นนั้นอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหลังทำได้
เลเซอร์ฝ้าสามารถทำได้กับทุกสภาพผิวหรือไม่
เลเซอร์ฝ้าสามารถทำได้กับทุกสภาพผิว แต่ในกรณีที่มีสภาพผิวแพ้ง่าย ผิวบริเวณที่ทำมีรอยแผลเป็น หรือมีภาวะผิวอักเสบ แนะนำเข้ารับการปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและรับการออกแบบการรักษาที่เหมาะสมก่อนตัดสินใจทำเลเซอร์รักษาฝ้า
ระหว่างเลเซอร์ฝ้า สามารถรักษาปัญหาผิวอื่นๆ ร่วมด้วยได้ไหม
สามารถดูแลปัญหาผิวอื่นๆ ได้ เนื่องจากเลเซอร์ฝ้ามีส่วนช่วยดูแลปัญหาความผิดปกติของเม็ดสี เช่น กระ จุดด่างดำ รอยดำสิว รวมถึงมีส่วนช่วยกระตุ้นสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว สามารถดูแลปัญหาริ้วรอย รูขุมขนกว้าง หรือแม้กระทั่งหลุมสิวได้
หลังทำเลเซอร์ฝ้า ควรเว้นระยะห่างในการทำซ้ำนานแค่ไหน
การทำเลเซอร์ฝ้าควรเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง โดยเว้นระยะ 2-4 สัปดาห์ ทั้งนี้อาจแตกต่างไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการตอบสนองต่อการรักษา โดยแพทย์ผู้ทำการรักษาจะเป็นผู้ประเมินและกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสม
รักษาฝ้าแบบอื่นๆ ระหว่างเลเซอร์ฝ้าไปด้วยได้ไหม
สามารถทำได้ แต่แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาก่อนตัดสินใจใช้วิธีอื่นๆ รักษาฝ้าควบคู่กับการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์ เพราะอาจทำให้ผิวถูกรบกวนมากเกินไป หรือเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อผิวได้ โดยวิธีการรักษาฝ้าแบบอื่นๆ ที่นิยมทำควบคู่ไปกับการเลเซอร์ฝ้า ได้แก่ การใช้ครีม หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยรักษาฝ้า การทำทรีตเมนต์หน้าลดฝ้า การฉายแสงลดฝ้า ซึ่งแนะนำว่าควรเว้นระยะห่างจากการเลเซอร์ฝ้าอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ หรือทำตามที่แพทย์ผู้ให้การรักษาแนะนำ
รีวิวเลเซอร์ฝ้า ที่ Amarante Clinic


สรุป
สรุปแล้ว เลเซอร์ฝ้า เป็นทางเลือกในการดูแลรักษาฝ้าที่เห็นผลไว และมีส่วนช่วยปรับสภาพผิวให้เนียนใสมากกว่าเดิม โดยมีเลเซอร์รักษาฝ้าหลากหลายประเภทให้เลือกใช้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผิวที่ต่างกันออกไป
ต้องเลือกทำเลเซอร์ฝ้าที่เหมาะกับสภาพความรุนแรงของฝ้าที่เผชิญอยู่ หรือแนะนำปรึกษาแพทย์ผู้ให้บริการเพื่อรับการประเมินและออกแบบการรักษาให้เหมาะสมแต่ละบุคคล โดยคำนึงถึงมาตรฐานของสถานพยาบาล ความชำนาญของแพทย์ผู้ให้การรักษา และราคางบประมาณในการทำเลเซอร์ฝ้าด้วย
นอกจากนี้ควรศึกษาวิธีเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์ และดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์ฝ้าตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัดเพื่อให้การรักษาเห็นผลชัด ป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังทำเลเซอร์ และป้องกันไม่ให้ฝ้ากลับมาเป็นซ้ำอีก