ไม่ว่าใครก็ฝันที่จะมีผิวหน้ากระจ่างใสและเรียบเนียน ไร้กังวลปัญหารอยสิว รูขุมขนกว้าง หรือหลุมสิว และหนึ่งในวิธีที่จะช่วยเรียกคืนความมั่นใจและผิวที่เนียนใสกว่าเดิมได้นั้น คือ “โปรแกรมเลเซอร์หน้าใส” เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีคุณสมบัติดูแลปัญหาผิวได้หลากหลาย ทั้งกระตุ้นคอลลาเจน ลดเลือนรอยดำ รอยแดงสิว และปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน
บทความนี้มารู้จักกับ เลเซอร์หน้าใส กันว่าคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร เหมาะกับการดูแลผิวแบบไหน พร้อมรู้จักกับประเภทเลเซอร์หน้าที่นิยมใช้ว่ามีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง รวมถึงเคล็ดลับในการเตรียมตัวก่อนทำ ดูแลตัวเองหลังทำ มาให้ทุกคนได้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจกัน
สารบัญ เลเซอร์หน้าใส
โปรแกรม เลเซอร์หน้าใส คืออะไร
โปรแกรม เลเซอร์หน้าใส คือ เทคโนโลยีการดูแลผิวด้วยพลังงานเลเซอร์ที่มีคุณสมบัติกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลดการทำงานของเม็ดสีเมลานิน ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนและกระจ่างใสในระยะเวลาสั้นๆ สามารถดูแลปัญหาผิวได้ครอบคลุม ไม่ว่าจะปัญหาจุดด่างดำ รอยแดงสิว ฝ้า กระ รอยหลุมสิว ตลอดจนปรับสีผิว และสภาพผิวให้มีความเรียบเนียน สม่ำเสมอกว่าเดิม
ประโยชน์การทำเลเซอร์หน้าใส

การทำเลเซอร์หน้าใสมีประโยชน์ในการดูแลรักษาสิวมากมาย ดังนี้
- ช่วยลดเลือนรอยแดง รอยดำจากสิว
- ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอทั่วใบหน้า
- ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
- รักษาหลุมสิว กระชับรูขุมขนกว้างให้เล็กลง
- จัดการปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ
- กระตุ้นให้ริ้วรอยเล็กๆ ตื้นๆ บนใบหน้าดูจางลง
- ทำให้ผิวเนียนใสพร้อมมั่นใจตลอดไม่ต้องแต่งหน้าหนานานๆ
เลเซอร์หน้าใส เหมาะกับใคร

สำหรับเลเซอร์หน้าใส เป็นเลเซอร์ที่เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวมัน ผิวแห้ง หรือแม้แต่ผิวแพ้ง่ายก็สามารถทำได้ และนอกจากจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวให้มีความกระจ่างใสและมั่นใจมากขึ้นแล้ว ยังเหมาะสำหรับกลุ่มคนเหล่านี้อีกด้วย เช่น
- ผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
- ผู้ที่มีปัญหารอยดำ รอยแดงจากสิว
- ผู้ที่ปัญหารอยหลุมสิว ผิวไม่เรียบเนียน
- ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง
- ผู้ที่ต้องการลดเลือนเส้นริ้วรอยบางๆ ทั่วใบหน้า
- ผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลผิว ต้องการคงสภาพผิวเนียนใส
- ผู้ที่ต้องการเห็นผลการฟื้นฟูสภาพผิวในระยะเวลาสั้นๆ
เลเซอร์หน้าใสไม่เหมาะกับใคร
เพราะการทำเลเซอร์หน้าใสจำเป็นต้องอาศัยพลังงานเลเซอร์ยิงลงลึกสู่ชั้นผิวเพื่อทำให้เม็ดสีที่อยู่ใต้ผิวแตกตัว ไปพร้อมๆ กับกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนรอยดำ ฝ้า กระได้อย่างเห็นผล แต่อาจไม่เหมาะสำหรับกลุ่มคนเหล่านี้
- สตรีมีครรภ์ หรืออยู่ในช่วงระหว่างให้นมบุตร เพราะแสงเลเซอร์อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยได้
- ผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคผิวหนัง เช่น ผิวหนังอักเสบ ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดอาการระคายเคืองผิวมากกว่าเดิมได้
- ผู้ที่มีแผลสด แผลผ่าตัด หรือแผลติดเชื้อบริเวณที่ต้องการทำเลเซอร์หน้า เพราะอาจเพิ่มการติดเชื้อ หรือทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้ จึงต้องทำการรักษาให้หายดีก่อนจึงจะสามารถทำเลเซอร์ได้
- ผู้ที่มีสิวอักเสบ สิวหัวหนองบริเวณที่ต้องการทำเลเซอร์หน้าใส ซึ่งแนะนำให้รักษาสิวให้หายดีเสียก่อน
- ผู้ที่มีประวัติแพ้แสงแดดง่าย อาจทำให้เกิดผื่นแพ้ หรืออาการระคายเคืองผิวรุนแรงหลังทำเลเซอร์หน้าใสได้
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคมะเร็ง เพราะบุคคลเหล่านี้มีความสามารถในการซ่อมแซมบาดแผลต่ำกว่าปกติ หากทำเลเซอร์หน้าใสชนิดที่มีบาดแผลอาจทำให้แผลหายช้าได้
โปรแกรม เลเซอร์หน้าใส มีกี่แบบ

เห็นได้ว่าเลเซอร์หน้าใสเหมาะกับการดูแลผิวที่หลากหลาย ไม่แต่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสเท่านั้น แต่ครอบคลุมไปถึงการรักษารอยดำ รอยแดง รอยหลุมสิว และสามารถปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนมากยิ่งขึ้นได้
ปัจจุบันเลเซอร์หน้าใสมีอยู่หลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละแบบมีเทคโนโลยีการทำงาน รวมถึงข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนี้
1. Dual Yellow Laser
เทคโนโลยีเลเซอร์หน้าใสที่มีแหล่งกำเนิดพลังงานเลเซอร์จาก Copper และ Bromide ทำให้เกิดแสงเลเซอร์ 2 ชนิด คือ เลเซอร์แสงสีเขียว ความยาวคลื่น 511 nm สำหรับดูแลปัญหาผิวที่เกี่ยวกับความผิดปกติของเม็ดสี เช่น ฝ้า กระ รอยดำสิว ขณะที่เลเซอร์แสงสีเหลือง ความยาวคลื่น 578 nm จะเหมาะสำหรับดูแลปัญหาผิวที่เกี่ยวกับความผิดปกติของเส้นเลือด เช่น รอยแดงสิว ปานแดง
ดูรายละเอียดและรีวิว : โปรแกรม Dual Yellow Laser
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
• ช่วยดูแลให้ผิวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ • ช่วยลดเลือนรอยแดง รอยดำจากสิว • ช่วยลดเลือนรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ • ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนเพิ่มสัมผัสผิวกระชับเต่งตึง • ช่วยกระชับรูขุมขน ปรับสภาพผิวเรียบเนียน | • หลังทำจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงแสงแดด • ต้องทำเลเซอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน |
2. Q-Switch Laser
เทคโนโลยีเลเซอร์หน้าใสรุ่นแรกๆ ที่มีคุณสมบัติทำให้เม็ดสีใต้ชั้นผิวแตกตัว สามารถลดเลือนปัญหาผิวที่เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีอย่างพวกฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือแม้แต่รอยสัก และรอยแผลเป็นที่มีสีเข้มๆ ได้ตรงจุด โดยแบ่งเป็นความยาวคลื่น 2 ช่วง ได้แก่ 532 nm เหมาะสำหรับดูแลปัญหาผิวชั้นตื้น รวมถึงรอยปานแดง รอยสักสีแดง
และ 1,064 nm พลังงานลงลึกกว่าถึงชั้นหนังแท้ เพื่อทำให้เม็ดสีแตกตัว เหมาะสำหรับดูแลรอยฝ้า กระฝังลึก รอยแผลเป็น หรือลบรอยสักสีเข้มๆ โดยเฉพาะ
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
• ช่วยลดเลือนรอยฝ้า กระ จุดด่างดำได้ตรงจุด • สามารถใช้ลบรอยสัก รอยปานได้ • มีส่วนช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน • ช่วยกระชับรูขุมขน | • หลังทำอาจทำให้ผิวลอก ตกสะเก็ด ต้องดูแลหลังทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด |
3. Fractional CO2 Laser
เลเซอร์หน้าใสที่มีความยาวคลื่นสูงถึง 10,600 nm ส่งพลังงานลงลึกเพื่อสร้างรูแผลขนาดเล็กใต้ชั้นผิว ทำให้ร่างกายกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเร่งการผลัดเซลล์ผิว สามารถช่วยทำให้ผิวหน้ามีความเนียนใส และสามารถรักษารอยหลุมสิว ปรับสภาพผิวเรียบเนียน ตลอดจนลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าได้อย่างตรงจุด ทั้งยังเป็นประเภทเลเซอร์หน้าใสที่ใช้กำจัดติ่งเนื้อจำพวกไฝ กระเนื้อ หรือขี้แมลงวันได้อีกด้วย
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
• พลังงานลงลึก ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ • ช่วยดูแลปัญหาผิวได้หลากหลาย เช่น รอยหลุมสิว รูขุมขนกว้าง ริ้วรอยแห่งวัย • สามารถใช้กำจัดขี้แมลงวัน ไฝ กระเนื้อได้ | • หลังทำอาจทำให้ผิวลอก ผิวตกสะเก็ดได้ • หากเข้ารับบริการกับผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ อาจทำให้ผิวไหม้เบิร์นได้ เนื่องจากเป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นสูง |
4. E-Matrix
เลเซอร์หน้าใสที่อาศัยพลังงาน Fractional Radiofrequency หรือคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบแบ่งส่วน สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวและเร่งการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ทำให้ผิวกระจ่างใสไปพร้อมๆ กับปรับสภาพผิวให้มีความเรียบเนียน สามารถจัดการปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน และรอยหลุมสิวได้
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
• ช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนมากยิ่งขึ้น • ช่วยกระชับรูขุมขนกว้างให้เล็กลง • ช่วยรักษารอยหลุมสิว • ช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว • สามารถทำได้ในทุกสภาพและสีผิว | • หลังทำทิ้งสะเก็ดแผลค่อนข้างเยอะ ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาพักหน้า • จำเป็นต้องเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน |
5. IPL
IPL หรือ Intense Pulse Light เทคโนโลยีลำแสงเลเซอร์เข้มข้นที่มีกลไกการทำงานใกล้เคียงกับเลเซอร์หน้าใสทั่วไป เพียงแต่มีพลังงานและความยาวคลื่นค่อนข้างต่ำ ทำให้ไม่ลงลึกถึงผิวชั้นในสุด มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้ในระดับหนึ่ง และสามารถช่วยทำให้ผิวดูกระจ่างใส รูขุมขนกระชับ รวมถึงช่วยรักษารอยแดงจากสิวได้
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
• ช่วยปรับสีผิวให้ดูกระจ่างใสมากขึ้น • มีส่วนช่วยรักษารอยแดงสิว กระชับรูขุมขน • เจ็บน้อย หลังทำไม่ต้องพักหน้า ไม่ต้องพักฟื้น | • จำเป็นต้องเข้ารับบริการหลายครั้ง และต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน • อาจมีอาการบวมแดง รอยไหม้หลังทำหากมีการตั้งค่าพลังงานไม่เหมาะสม |
โปรแกรมเลเซอร์หน้าใส อันตรายไหม
การดูแลผิวหน้าด้วยเลเซอร์หน้าใสถือเป็นทางเลือกที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง เมื่อทำกับแพทย์ผู้ชำนาญที่มีการประเมินปัญหาผิว เลือกใช้เครื่องเลเซอร์หน้า ตลอดจนมีการตั้งค่าพลังงานให้เหมาะสมกับสภาพผิว หรือปัญหาผิวของแต่ละบุคคลได้อย่างเหมาะสม
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
แม้ว่าเลเซอร์หน้าจะมีความปลอดภัยสูง แต่เลเซอร์บางชนิดอาจมีผลข้างเคียง หรืออาการแทรกซ้อนที่สามารถพบได้ปกติหลังทำ เช่น ผิวแห้งกร้าน รอยแดง อาการบวม สิวเห่อ หรือในเลเซอร์บางชนิดอาจทำให้ผิวตกสะเก็ด และจำเป็นต้องมีระยะเวลาในการพักหน้าประมาณ 5-7 วันแล้วแต่บุคคล
ทั้งนี้ผลข้างเคียงดังกล่าวที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย หากปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด แต่หากเกิดอาการผิดปกติใดๆ หลังทำ แนะนำพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาที่เหมาะสมได้ทันที
ขั้นตอนการทำเลเซอร์หน้าใส
สำหรับขั้นตอนการทำเลเซอร์หน้าใส โดยปกติแล้วจะใช้ระยะเวลาประมาณ 15-30 นาที ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ใช้และระดับความรุนแรงของปัญหาผิวแต่ละบุคคล ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
- เข้ารับการปรึกษากับแพทย์เพื่อประเมินปัญหาผิวและเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสม ประมาณ 10-15 นาที
- เริ่มจากการทำความสะอาดสิ่งสกปรก เช็ดคราบเครื่องสำอางบนผิวหน้าออกทั้งหมด
- สวมแว่นกันแสง หรือผ้าปิดตาเพื่อปกป้องดวงตาจากแสงเลเซอร์
- ทาเจลเย็นเพื่อซับแสงเลเซอร์ หรืออาจมีการใช้ยาชาก่อนทำเลเซอร์เพื่อบรรเทาอาการเจ็บในกรณีทำเลเซอร์หน้าแบบตกสะเก็ด โดยเจลเย็นและยาชาที่ใช้จะต้องเป็นชนิดที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อป้องกันอาการแพ้ หรือระคายเคืองผิวหลังทำ
- แพทย์เริ่มทำการเลเซอร์หน้าบริเวณที่มีปัญหาผิว ซึ่งระหว่างทำจะมีการเป่าลมเย็นเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ แสบ ร้อน หรืออาการไม่สบายผิวที่เกิดจากการยิงเลเซอร์ ทำให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
- เสร็จแล้ว แพทย์อาจมีการแนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์ที่ถูกต้อง เช่น ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดหลังทำเลเซอร์ หมั่นทาครีมบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ และเร่งการฟื้นตัวของผิวให้เร็วมากขึ้น
การเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์หน้าใส
ก่อนตัดสินใจทำเลเซอร์หรือก่อนวันที่เข้ารับบริการ ควรเตรียมผิวให้พร้อม เพราะเลเซอร์หน้าจะส่งผลต่อผิวโดยตรง ฉะนั้นเพื่อเป็นการป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ แนะนำเตรียมตัวก่อนทำเลเซอร์หน้าใส ดังนี้
- เลี่ยงการสัมผัสแดดโดยตรงอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หากจำเป็นควรหาอุปกรณ์ป้องกัน เช่น ร่ม หมวก และหมั่นทาครีมกันแดดประสิทธิภาพสูง
- งดการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว สครับผิว เช่น ผลิตภัณฑ์กลุ่ม AHA BHA เพราะอาจทำให้ผิวแห้งระคายเคืองได้ง่าย
- ในกรณีมีสิวอักเสบ สิวหนอง หรือบาดแผลสด ควรรักษาให้หายดีเสียก่อน เพื่อเลี่ยงการติดเชื้อหลังทำเลเซอร์
การดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์หน้าใส
นอกจากจะเตรียมตัวเตรียมผิวให้พร้อมก่อนเลเซอร์แล้ว หลังเลเซอร์ก็ควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลลัพธ์เลเซอร์หน้าใสออกมาเห็นผลชัดเจน ได้ผลลัพธ์หลังทำเลเซอร์ที่เป็นไปตามความคาดหวัง และเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดผลข้างเคียง อาการแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์อย่างรอยแผลเป็น รอยดำที่อาจรักษายากและคงอยู่ถาวร โดยมีวิธีในการดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์ ดังนี้
- เลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์แรก เพราะอาจทำให้ผิวไวต่อแสง และเกิดความหมองคล้ำ จุดด่างดำ หรือเกิดอาการระคายเคืองผิวได้ง่าย
- หมั่นทาครีมกันแดดสูตรอ่อนโยนต่อผิวเป็นประจำ รวมถึงปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยการใส่หมวก ใส่แว่นกันแดด กางร่มกันยูวี และควรหมั่นทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2-3 ชั่วโมง ในกรณีที่ต้องออกแดดจัด
- ในกรณีเลเซอร์หน้าแบบตกสะเก็ด งดให้ผิวบริเวณที่ทำการรักษาสัมผัสน้ำอย่างน้อย 24 ชั่วโมง จากนั้นสามารถทำความสะอาดผิวด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวสูตรอ่อนโยนได้
- งดการใช้สกินแคร์ หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีคุณสมบัติผลัดเซลล์ผิว เช่น กลุ่ม AHA BHA กรดวิตามิน A หรือ เรตินอล เพราะอาจทำให้ระคายเคืองผิวได้
- ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้า ใช้เครื่องสำอางลงบนบริเวณที่ทำเลเซอร์อย่างน้อย 1-3 สัปดาห์แรก เพื่อให้ผิวได้ฟื้นตัวได้เต็มที่ และเพื่อเป็นการป้องกันการอุดตัน ระคายเคืองผิวหลังเลเซอร์
- หมั่นบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์สูตรอ่อนโยน และดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน
- ในกรณีเลเซอร์หน้าใสแบบตกสะเก็ด งดแกะ เกา นวด ถูสะเก็ดแผล
ทั้งนี้ หากหลังทำเลเซอร์พบอาการผิดปกติ เช่น มีลักษณะผื่นแดง บวม อาการเจ็บปวด หรือแสบผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์ไม่หาย แม้ดูแลตามคำแนะนำของแพทย์แล้ว ควรรีบกลับไปพบแพทย์ทันทีเพื่อเข้ารับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป
โปรแกรมเลเซอร์หน้าใส ราคาเท่าไหร่
ปกติแล้วราคาทำเลเซอร์หน้าใส จะเริ่มตั้งแต่ครั้งละ 1,000 บาท ไปถึง 30,000 บาทต่อครั้ง แตกต่างไปในแต่ละคลินิก เพราะเทคโนโลยีที่ใช้ จำนวนครั้งที่เข้ารับบริการ โปรโมชั่น รวมถึงชื่อเสียงและประสบการณ์ของแพทย์ผู้ให้บริการ
หากต้องการทราบราคาในการเข้ารับบริการทำเลเซอร์หน้าใส ขอแนะนำว่าให้เข้ารับการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนว่าปัญหาผิวของผู้เข้ารับบริการเหมาะกับเลเซอร์หน้าใสประเภทไหน ควรเข้ารับบริการกี่ครั้งถึงจะเห็นผล หรือคลินิกนั้นๆ มีแพ็กเกจโปรโมชั่นที่น่าสนใจอะไรบ้าง
โปรแกรมเลเซอร์หน้าใส ทำที่ไหนดี

ด้วยความนิยมของเลเซอร์หน้าใส ทำให้หลายๆ คลินิกมีบริการดังกล่าวอย่างแพร่หลาย และแต่ละคลินิกนั้นก็มีเทคโนโลยี หรือเครื่องเลเซอร์ที่แตกต่างกันออกไป อาจทำให้หลายคนตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกทำเลเซอร์หน้าใส ที่ไหนดี ซึ่งขอแนะนำให้พิจารณาจากปัจจัยดังต่อไปนี้
- เลือกคลินิกที่มีการเปิดให้บริการอย่างถูกต้องตามกฎหมายตรวจสอบได้
- เลือกเข้ารับบริการเลเซอร์หน้าใสกับคลินิกที่มีแพทย์จบการศึกษาด้านผิวหนังหรือความงามโดยตรง มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภา รวมถึงต้องได้รับการประเมินสภาพผิว และรับทราบถึงแนวทางการรักษาอย่างละเอียดจากแพทย์ก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการด้วย
- เลือกคลินิกที่ใช้เครื่องเลเซอร์ที่ได้มาตรฐาน มีการรับรองทั้งในประเทศและต่างประเทศ และควรสอบถามทางคลินิกให้แน่ชัดว่า เทคโนโลยีที่ใช้เป็นรุ่นที่ทันสมัย เหมาะกับสภาพผิวของผู้เข้ารับบริการหรือไม่
- เลือกทำเลเซอร์ที่คลินิกที่มีรีวิวจากผู้เข้าใช้บริการจริง
- เลือกคลินิกที่มีบริการดูแลหลังการรักษาที่ดี ให้คำแนะนำและคอยติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
- เลือกทำเลเซอร์ที่คลินิกที่มีราคาสมเหตุสมผล
- เลือกคลินิกที่สามารถเดินทางได้สะดวกสบาย เพื่อความสะดวกในการเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
รีวิวโปรแกรมเลเซอร์หน้าใส ที่ Amarante Clinic


คำถามที่พบบ่อย เลเซอร์หน้าใส
เลเซอร์หน้าใสเจ็บไหม
ความเจ็บปวดขณะทำเลเซอร์หน้าใสอยู่ในระดับที่สามารถทนได้ ทั้งนี้ระดับความเจ็บก็อาจแตกต่างกันไปในแต่ละเทคโนโลยีเลเซอร์หน้าที่ใช้ เนื่องจากพลังงานลงลึกไม่เท่ากัน และเลเซอร์บางชนิดก็อาจมีการทำให้ผิวลอก จึงอาจรู้สึกเจ็บหลังทำได้มากกว่า
เลเซอร์หน้าใสทำกี่ครั้งถึงเห็นผล
โดยปกติแล้วควรเข้ารับบริการต่อเนื่องอย่างน้อย 3-5 ครั้ง ซึ่งจำนวนครั้งในการเข้ารับบริการเลเซอร์หน้าใสจะแตกต่างไปในแต่ละบุคคล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีในการรักษาที่ใช้ร่วมด้วย จึงขอแนะนำให้ปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน
เลเซอร์หน้าใสทำบ่อยแค่ไหน ถึงจะดี
ความถี่ในการเข้ารับบริการเลเซอร์หน้าใสควรห่างกันประมาณ 4-6 สัปดาห์จะดีที่สุด เพราะหากทำถี่เกินไปอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงกับผิวหน้าได้ หรือหากทิ้งช่วงห่างเกินไปก็อาจจะไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้เช่นกัน
สรุป
สรุปแล้ว เลเซอร์หน้าใส เป็นทางเลือกในการดูแลผิวสำหรับผู้ที่กังวลปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ฝ้า กระ รอยดำรอยแดงสิว รอยหลุมสิว ต้องการฟื้นบำรุงผิวให้ดีขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ หรือผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาผิว แต่ต้องการคงสภาพให้ผิวดูสุขภาพดีก็สามารถเข้ารับบริการได้เช่นกัน ทั้งนี้มีเลเซอร์หน้าอยู่หลายประเภท แนะนำเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ผู้ชำนาญเพื่อรับการประเมินปัญหาผิว และเลือกใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ หรือหาแนวทางการดูแลรักษาผิวให้เหมาะกับแต่ละบุคคลจะดีที่สุด