ใต้ตาบวม เป็นปัญหาก้อนนูนบริเวณถุงใต้ตาที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคน ตั้งแต่คนที่อายุน้อยไปจนถึงคนที่อายุมาก ซึ่งทำให้ใบหน้าดูมีอายุ ดูโทรม ไม่สดใส และอ่อนเพลีย จนหลายคนรู้สึกรำคาญและขาดความมั่นใจ หากต้องออกไปเจอผู้คน เราลองมาทำความรู้จักกันว่า ใต้ตาบวมเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง และมีวิธีไหนบ้างที่จะสามารถรักษาเจ้าก้อนใต้ตานี้
สารบัญ ใต้ตาบวม
ใต้ตาบวมคืออะไร?
ก่อนอื่นลองมาทำความรู้จักบริเวณรอบดวงตากันก่อน โดยทั่วไปแล้ว มนุษย์จะมีถุงไขมันอยู่โดยรอบดวงตา ได้แก่ เปลือกตาบน 2 ถุง และเปลือกตาล่าง 3 ถุง ซึ่งถุงไขมันเหล่านี้จะปรากฎให้เห็นอย่างชัดเจน เมื่อร่างกายเราเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เช่น อายุมากขึ้น เป็นภูมิแพ้ เป็นโรคบางชนิด หรือนอนหลับไม่เพียงพอ จะทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาไม่กระชับและถุงไขมันโดยเฉพาะบริเวณเปลือกตาล่างปูดบวมออกมาจนเกิดเป็นปัญหาถุงใต้ตาบวมนั่นเอง
ใต้ตาบวมมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง
เชื่อว่าหลายคนคงเคยร้องไห้จนตาบวมมาก่อน ซึ่งการร้องไห้ไม่ใช่แค่สาเหตุเดียวที่ทำให้ใต้ตาบวม แต่ความจริงแล้ว ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดถุงใต้ตาปูดบวมขึ้นมา โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ถุงใต้ตาแท้และถุงใต้ตาเทียม
ถุงใต้ตาแท้
เป็นลักษณะของถุงไขมันที่โป่งนูนออก ไม่สามารถหายไปเองได้ โดยส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจาก
- พันธุกรรม เนื่องจากต่อมไร้ท่อทำงานผิดปกติ ทำให้ไขมันและของเหลวมาสะสมบริเวณถุงใต้ตามากเกินไป
- อายุที่มากขึ้น เนื่องจากพังผืดที่กั้นเบ้าตาจะค่อยๆ เสื่อมสภาพลง ทำให้ไขมันและของเหลวปูดบวมออกมาเป็นก้อน
ถุงใต้ตาเทียม
เป็นลักษณะถุงใต้ตาบวม ที่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน อาการแพ้ต่างๆ หรือโรคบางชนิด ซึ่งสามารถหายได้ หากเราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือทำการรักษา
- พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ได้แก่ นอนหลับไม่เพียงพอ ความเครียด ดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารรสเค็มจัดหรือหวานจัด ขยี้ตา ร้องไห้หนัก เป็นต้น
- อาการแพ้ ได้แก่ แพ้อากาศ แพ้เกสรดอกไม้ แพ้ฝุ่นควัน เป็นต้น
- โรคที่อาจทำให้เกิดถุงใต้ตาบวม ได้แก่ โรคตาไทรอยด์ โรคมะเร็งตา เป็นต้น
ใต้ตาบวมข้างเดียวเกิดจากอะไร?
ในบางคนอาจมีอาการตาบวมข้างเดียว ซึ่งมีสาเหตุต่างจากคนที่มีถุงใต้ตาบวมทั้งสองข้าง เพราะส่วนมากมักมาจากการติดเชื้อที่ตา และอาจก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา เช่น เยื่อบุตาอักเสบ ตากุ้งยิง ชาลาซิออน เป็นต้น ทั้งนี้ในช่วงแรก จะมีอาการบวมบริเวณถุงใต้ตาข้างใดข้างหนึ่งก่อน หลังจากนั้นจึงลามไปอีกข้างหนึ่ง
วิธีการรักษาใต้ตาบวม
หลายครั้งถุงใต้ตาบวมอาจเกิดจากพฤติกรรมของเรา ซึ่งสามารถบรรเทาอาการบวมได้ด้วยตัวเอง โดยใช้วิธีการรักษาสไตล์ธรรมชาติ แต่หากเป็นถุงใต้ตาบวมที่เกิดจากพันธุกรรมหรืออายุที่มากขึ้น อาจต้องใช้วิธีการรักษาทางการแพทย์ ซึ่งไม่ต้องผ่าตัดและเห็นผลชัดเจนหลังทำ
วิธีการรักษาสไตล์ธรรมชาติ
- ประคบเย็น เป็นวิธีที่ลดอาการถุงใต้ตาบวมที่ทำได้ง่ายมากๆ โดยอาจใช้น้ำแข็งห่อผ้า ผ้าชุบน้ำเย็น หรือช้อนแช่เย็นก็ได้เช่นกัน จากนั้นก็นำมาประคบบริเวณใต้ตา แล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที เท่านี้ก็ลดอาการบวมได้แล้ว
- ใช้ถุงชา โดยนำถุงชาที่ยังอุ่นๆ อยู่มาประคบบริเวณเปลือกตาหรือใต้ตาทั้งสองข้าง แล้วปล่อยทิ้งไว้สัก 5-10 นาที เนื่องจากชามีสารแทนนินที่สามารถลดอาการบวมได้
- นอนหลับให้เพียงพอ ส่วนใหญ่แล้วคนที่มีอาการตาบวม ใต้ตาคล้ำ มักเป็นเพราะนอนหลับน้อยเกินไป ดังนั้นการเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนจะช่วยบรรเทาอาการบวมใต้ตาได้ในระยะยาว โดยควรนอนให้ได้อย่างน้อย 8-10 ชั่วโมงต่อวัน
- การนวดตา อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยบรรเทาอาการบวมบริเวณถุงใต้ตาได้เป็นอย่างดี ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการกระตุ้นการระบายน้ำเหลืองที่มาคั่งบริเวณนั้น โดยใช้นิ้วที่ทำความสะอาดแล้วนวดวนเป็นวงกลมรอบดวงตา จากนั้นใช้ปลายนิ้วกดเบาๆ เริ่มตั้งแต่มุมด้านในของดวงตา เคลื่อนไปยังขมับ แล้วค่อยๆ กดตามแนวกราม
- แปะตาด้วยแตงกวา ในแตงกวาจะมีสารมอยส์เจอไรเซอร์ ซึ่งสามารถช่วยฟื้นบำรุงผิวได้ รวมถึงกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) ที่ลดอาการบวม ดังนั้นหากนำแตงกวาที่หั่นแว่นแล้ว มาแปะรอบดวงตาสัก 15-30 นาที ก็จะช่วยลดอาการบวมได้
วิธีการรักษาทางการแพทย์
-
ศัลยกรรมผ่าตัดถุงใต้ตา
ใครที่มีถุงไขมันใต้ตาเยอะจนทำให้ใต้ตาบวมขึ้นมา หรือมีหนังส่วนเกินใต้ตาและใต้ตาลึกแนะนำให้ใช้วิธีการ ศัลยกรรมผ่าตัดถุงใต้ตา ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 วิธีคือ วิธีผ่าตัดถุงใต้ตาแบบเปิดแผลด้านในและวิธีผ่าตัดถุงใต้ตาแบบเปิดแผลด้านนอก ซึ่งทั้งสองวิธีนี้จะตัดไขมันส่วนเกินออก แต่จะแตกต่างกันตรงที่วิธีเปิดแผลด้านในจะไม่เห็นรอยแผลเป็นบริเวณด้านนอก ส่วนวิธีเปิดแผลด้านนอกอาจะจะเห็นรอยแผลและมีอาการบวมช้ำในช่วงแรกหลังทำ แต่หลังจากนั้นก็จะค่อยๆ หายไปเอง
วิธีการศัลยกรรมผ่าตัดถุงใต้ตาจะสามารถแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาได้นาน 3-10 ปี ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า อีกทั้งยังช่วยยกกระชับหนังบริเวณใต้ตาและปรับผิวรอบดวงตาให้ดูอ่อนเยาว์ลง
-
ทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์
มีวิธีหนึ่งที่ช่วยรักษาใต้ตาบวมได้ก็คือ การทำ โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) ที่จะเข้าไปเติมเต็มชั้นผิวหนังบริเวณใต้ตาที่หย่อนคล้อยและเสื่อมสภาพ เนื่องจากการยุบตัวลงของชั้นผิวหนังตามอายุที่มากขึ้นฟิลเลอร์จะมีคุณสมบัติอุ้มน้ำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวใต้ตากลับมาเต่งตึงและเรียบเนียนอีกครั้ง ทำให้รอยบวมบริเวณใต้ตาตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเด็กขึ้น สดใส และอิ่มฟู
รีวิวโปรแกรมศัลยกรรมผ่าตัดถุงใต้ตา
รีวิวโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา
โปรแกรม ฟิลเลอร์อันตรายไหม?
ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มที่ผลิตขึ้นมาเลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกายของมนุษย ไม่ทำให้เกิดการแพ้แต่อย่างใด ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย และยังได้รับการรับรองจากอย. ด้วย จึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
โปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา ใช้เวลานานไหมกว่าจะเห็นผล?
การทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาใช้เวลาทำไม่นาน ก็สามารถเห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังทำ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้บนใบหน้า สามารถกลับมาทำซ้ำได้ทุก 6 เดือนถึง 1 ปี
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทำที่ไหนได้บ้าง?
การทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ต้องทำโดยแพทย์ จึงต้องเลือกทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน และต้องใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการรับรองจากอย. Amarante Clinic มีทีมแพทย์มากประสบการณ์ที่ให้บริการฉีดฟิลเลอร์ นำทีมโดยคุณหมอต้น นพ.สฤษดิ์ ตันติอภิชาต AMI Trainer สอนแพทย์ฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ Juvederm อเมริกา จาก บริษัท Allergan จึงมั่นใจได้ในทักษะและเทคนิคการฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ เมื่อมาทำที่ Amarante Clinic
ดาราเซเลบริตี้มากมายที่ไว้วางใจให้ Amarante clinic ดูแล