ใบหน้าที่งดงามและมีเสน่ห์ประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ รูปทรงคาง ที่ได้สัดส่วนเหมาะสมกับใบหน้า แต่ความเป็นจริงแล้ว มีหลายคนประสบปัญหาเกี่ยวกับคาง ทั้งคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม หรือคางถอย ซึ่งล้วนทำให้ใบหน้าขาดความสมดุล ไม่ดูดีเท่าที่ควร
บทความนี้มาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับลักษณะปัญหาคางแต่ละแบบ สาเหตุที่ทำให้เกิด พร้อมแนะนำวิธีการแก้ไขด้วยเทคนิคต่างๆ อย่างการฉีดฟิลเลอร์ การผ่าตัด ไปถึงการดูแลตัวเองก่อนและหลังทำ เพื่อให้ได้ใบหน้าที่สวยตามที่หวังกันค่ะ
สารบัญ ปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม คางถอย
คางสั้น คางตัด คางบุ๋ม และคางถอย
ความงามของใบหน้าอยู่ที่ความสมดุลและสัดส่วนลงตัวของอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะคาง ซึ่งเป็นโครงสร้างที่อยู่ตำแหน่งล่างสุดของใบหน้า หากมีรูปทรงหรือขนาดที่ผิดปกติไป ย่อมจะส่งผลกระทบมากต่อภาพรวมความงามใบหน้า
ปัญหาคางที่พบบ่อย คือ คางสั้น คางตัด คางบุ๋ม และคางถอย ซึ่งมีลักษณะและสาเหตุที่แตกต่างกัน ตามนี้ค่ะ
คางสั้น
คางสั้น คือ ลักษณะคางที่ขาดมิติความลึก ความยาวไม่เพียงพอ เมื่อมองด้านข้างจะเห็นว่าระยะห่างจากริมฝีปากล่างถึงปลายคางจะสั้นกว่าระยะห่างจากปลายจมูกถึงริมฝีปากบน ส่งผลให้สัดส่วนของใบหน้าด้านล่างดูผิดปกติ ไม่เท่ากับใบหน้าส่วนบน ทำให้หน้าดูกลมหรือสั้น หากลากเส้นในแนวตั้งผ่านรูจมูกลงไป จะเห็นว่าไม่พาดผ่านปลายคาง เป็นผลมาจากกระดูกขากรรไกรที่ขนาดเล็กสั้นกว่าปกติ
นอกจากผลต่อความสวยงามของใบหน้า คางสั้นยังกระทบต่อการทำงานของระบบบดเคี้ยวอีกด้วย เพราะเมื่อกระดูกขากรรไกรล่างสั้นหรือเล็กเกินไป ฟันบนและล่างอาจสบไม่แนบสนิทหรือไม่ตรงกัน เกิดเป็นภาวะสบฟันผิดปกติแบบ overbite คือฟันบนยื่นออกมาคร่อมฟันล่าง ทำให้บดเคี้ยวอาหารได้ไม่ดี และอาจไปกระทบต่อการออกเสียงและการหายใจได้
คางสั้นพบได้บ่อยในเอเชีย โดยเฉพาะคนไทย เพราะลักษณะของกะโหลกและโครงสร้างใบหน้า ที่ส่วนใหญ่มีขากรรไกรสั้น กระดูกขากรรไกรไม่เจริญเติบโตไปด้านหน้ามากเท่าชาวตะวันตก ทั้งมีแนวโน้มที่ฟันหน้าบนจะยื่นมากกว่าด้วย คางสั้นถือเป็นความผิดปกติของโครงสร้างที่ติดมาแต่กำเนิดจากพันธุกรรม แก้ไขได้ด้วยศัลยกรรมเท่านั้น
คางตัด
คางตัด คือ คางที่มีลักษณะเหลี่ยมและปลายตัดตรงไม่มนกลม ไม่อ่อนช้อย ส่งผลให้ใบหน้าดูแข็งกระด้าง คางเหลี่ยมขาดมิติ เมื่อยิ้มหรือพูดจะเห็นเป็นเหลี่ยมชัดเจน สาเหตุอาจเกิดได้ตั้งแต่กำเนิดและหลังคลอด
คางตัดแต่กำเนิด เกิดจากที่กระดูกคางไม่เจริญเติบโตเต็มที่ในระยะที่เป็นทารก ทำให้กระดูกคางมีลักษณะสั้น ชะงัก ไม่มีความโค้งมนตามธรรมชาติ
ส่วนคางตัดที่เกิดขึ้นเองภายหลัง อาจเป็นผลข้างเคียงจากการเสริมคางที่ไม่ประสบสำเร็จมาก่อน เช่น ปริมาณซิลิโคนที่ใช้เสริมขนาดเล็กเกินไป ไม่เหมาะกับใบหน้า หรือผิวหนังที่หุ้มไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถห่อหุ้มซิลิโคนได้มิด เกิดเป็นคางทรงเหลี่ยมที่ไม่เป็นธรรมชาติขึ้นมา
การแก้ไขคางตัดทำได้ทั้งการผ่าตัดเสริมคางใหม่ด้วยซิลิโคนหรือวัสดุอื่นๆ เพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาดให้มีความอิ่มและมนมากขึ้น หรือแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปร่างให้อ่อนช้อยโค้งมนขึ้นค่ะ
คางบุ๋ม
คางบุ๋ม คือ ลักษณะของคางที่มีรอยบุ๋มหรือเป็นแอ่งลึกตรงกลาง ขอบคางจะเป็นสันนูน ทำให้ผิวบริเวณคางไม่เรียบเนียน โดยเฉพาะเวลาแสดงสีหน้าจะยิ่งเห็นรอยบุ๋มชัด ลักษณะคางแบบนี้อาจเป็นมาแต่กำเนิด เพราะลักษณะของกระดูกขากรรไกรที่เจริญเติบโตมาผิดปกติ มีการแยกย่อยออกเป็นสองส่วนที่ไม่ได้ประสานกัน เกิดเป็นช่องว่างตรงกลาง
นอกจากเกิดเพราะกระดูก การเกร็งหดรั้งตัวของกล้ามเนื้อบริเวณคางก็ทำให้เกิดคางบุ๋มได้เช่นกัน โดยการทำงานของกล้ามเนื้อ mentalis ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อขนาดเล็กที่ยึดระหว่างผิวหนังกับกระดูกคาง มีหน้าที่ช่วยในการยกริมฝีปากล่าง เมื่อกล้ามเนื้อถูกใช้งานหนัก เช่น การเม้มปากแน่นและบ่อยครั้ง อย่างนักดนตรีที่เล่นเครื่องเป่า ทำให้กล้ามเนื้อ mentalis หดสั้นลงและหนาตัวขึ้น ดึงผิวหนังบริเวณคางให้เป็นร่องลึก
สาเหตุที่ทำให้คางบุ๋มนอกจากกระดูกและกล้ามเนื้อแล้ว ยังอาจเกิดจากการเสื่อมของเนื้อเยื่อ ไขมัน และคอลลาเจนไปตามวัยที่เพิ่มขึ้นด้วย เพราะเมื่อถึงวัยกลางคน ไขมันใต้ผิวหนังที่เคยอิ่มฟูจะค่อยๆ ฝ่อลง ทำให้ผิวหย่อนยานลงมาตามแรงโน้มถ่วง ประกอบกับมีเส้นแนวร่องคางอยู่แล้ว ทำให้ลักษณะคางบุ๋มปรากฏชัดมากขึ้น
การแก้ไขอาจทำได้โดยการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อ mentalis หรือฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มรอยบุ๋มให้ตื้นขึ้น ทั้งนี้ผลลัพธ์จะเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น
คางถอย
คางถอย คือ ลักษณะคางที่ดูเหมือนถูกดันถอยหลังเข้าไปด้านใน ไม่ยื่นออกมาตามแนวสันกระดูกขากรรไกร ใบหน้าด้านล่างจะดูเว้าแหว่ง ไม่เป็นระนาบเดียวกับใบหน้าส่วนอื่น สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของขากรรไกรล่างที่มีขนาดเล็กและสั้นกว่าทั่วไป ทำให้คางไม่ยื่นออกมาทัดเทียมกับส่วนบน
บางกรณี ไม่ใช่แค่คางที่ถอย แต่ทั้งขากรรไกรล่างถอยร่นจมเข้าไปด้านในอย่างผิดรูป การเจริญเติบโตของกระดูกที่ผิดปกติส่งผลให้อวัยวะข้างเคียงผิดไปด้วย เช่น เพดานโหว่ ปากแหว่ง หรือผนังกั้นช่องจมูกคด
โครงสร้างที่บกพร่องลักษณะนี้ ย่อมกระทบต่อการทำงานและบดเคี้ยว จะพบว่ามักมาพร้อมกับภาวะสบฟันผิดปกติแบบ Class II คือฟันหน้าล่างอยู่หลังฟันหน้าบนมากเกินไป เพราะขากรรไกรล่างเล็กและสั้นกว่าขากรรไกรบน ส่งผลให้ปากล่างจะม้วนเข้าในขณะที่ปากบนอูมยื่นออกมา เห็นได้ชัดในผู้ที่นอนกรน หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เพราะลิ้นจะไปอุดกั้นช่องทางเดินหายใจตอนนอน
การแก้ไขคางถอยที่เกิดจากความผิดปกติของกระดูก จำเป็นต้องใช้การผ่าตัดเลื่อนขากรรไกรล่างไปข้างหน้า โดยแพทย์จะตัดกระดูกขากรรไกรล่างให้ขาดออกจากกัน แล้วยึดในตำแหน่งที่ยื่นไปข้างหน้าด้วยแผ่นโลหะ ทำให้สันเหงือกและแนวฟันล่างขยับมาอยู่หน้าฟันบน และภายหลังการผ่าตัดต้องจัดฟันเพื่อปรับแนวฟันให้สบกันได้สนิทด้วย
ลักษณะคางที่ดีควรเป็นแบบไหน
- รูปทรงคางควรมนกลมได้รูป ไม่แหลมหรือเหลี่ยมเกินไป
- คางควรมีเนื้อที่นูนพอดี ไม่ผอมแห้งหรือมีไขมันมากเกินไป
- ความยาวของคางควรพอเหมาะ ไม่สั้นหรือยาวจนเกินสัดส่วน โดยเทียบจากปลายจมูกถึงปลายคางควรเท่ากับระยะจากปลายจมูกถึงหางคิ้ว
- สันคางควรอยู่ตรงกึ่งกลางใบหน้า ไม่เอียงหรือเบี้ยว
รวมวิธีแก้ไขปัญหาคาง ให้สวยดูดี
ปัจจุบันมีทางเลือกในการแก้ไขปัญหาคางให้ได้สัดส่วนอยู่หลายวิธี ทั้งแบบไม่ผ่าตัดและแบบผ่าตัด ซึ่งมีทั้งข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมแตกต่างกันไป แนะนำ ศึกษาข้อมูลให้รอบด้านและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตนเองค่ะ
การแก้ไขปัญหาคางด้วยวิธีไม่ผ่าตัด
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์คาง
โปรแกรม ฉีดฟิลเลอร์คาง วิธียอดนิยมในการแก้ปัญหาคางสั้น คางตัด และคางบุ๋ม เพราะทำได้ง่าย ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลทันที โดยฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปจะช่วยเติมเต็มบริเวณที่บุ๋มหรือสั้นให้ดูเต็มและยาวขึ้น
ฟิลเลอร์ที่ใช้กันมากที่สุดปัจจุบัน จะเป็นชนิดไฮยารูโรนิก แอซิด (Hyaluronic acid) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายอยู่แล้ว มีความปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ สามารถย่อยสลายได้เอง ต่างจากฟิลเลอร์ชนิดถาวรที่อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้
แต่การฉีดฟิลเลอร์ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของความยาวคางที่เพิ่มได้ไม่เกิน 1 ซม. เพราะถ้าฉีดมากกว่านี้จะทำให้คางดูเป็นก้อน ไม่เป็นธรรมชาติ และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ซึ่งฟิลเลอร์อยู่ได้เพียงชั่วคราว ประมาณ 1-2 ปีเท่านั้น จำเป็นต้องกลับมาเติมใหม่ซ้ำเรื่อยๆ ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เหมือนเดิม 100% เพราะขึ้นอยู่กับทักษะและฝีมือของแพทย์ด้วย
อ่านเพิ่มเติม : ฉีดฟิลเลอร์คางดีอย่างไร อันตรายไหม ตอบทุกคำถาม [พร้อมรีวิว]
หัวข้อ | โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์คาง |
---|---|
ข้อดี | • ทำได้ง่าย ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลทันที • ฟิลเลอร์ชนิด HA มีความปลอดภัยสูง • ปรับแก้รูปทรงได้ตามต้องการ ถ้าไม่พอใจสามารถแก้ไขหรือเอาออกได้ |
ข้อเสีย | • ผลลัพธ์ไม่ถาวร อยู่ได้เพียง 1-2 ปี ต้องกลับมาฉีดเติมซ้ำเรื่อยๆ • ไม่เหมาะกับผู้ที่คางสั้นมาก เพราะเพิ่มความยาวคางได้ไม่เกิน 1 ซม. • หลังฉีดอาจมีอาการบวม ช้ำ เจ็บ เป็นก้อน แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นเองภายใน 1-2 สัปดาห์ • หากฉีดไม่ถูกวิธี อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การอุดตันของหลอดเลือด หรือฟิลเลอร์ย้ายที่ |
ผลลัพธ์ | คางดูยาวขึ้น ได้รูปทรงตามที่ต้องการทันที แต่อาจมีอาการบวมตึงเล็กน้อย ในช่วง 1-2 วันแรก เมื่ออาการเหล่านี้หายไปก็จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน เนียนเรียบเป็นธรรมชาติ |
อายุใช้งาน | คงอยู่ได้นาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ ปริมาณที่ฉีด ตำแหน่งที่ฉีด และกระบวนการเผาผลาญตามธรรมชาติของร่างกายแต่ละคน |
ราคา | ฉีดฟิลเลอร์คาง เริ่มต้นที่ 10,000-25,000 บาทต่อ 1 cc โดยทั่วไปการฉีดแต่ละครั้งจะใช้ประมาณ 1-3 cc ขึ้นอยู่กับความยาวและรูปทรงของคางที่ต้องการ |
โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์
โบท็อกซ์ สารสกัดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ที่มีฤทธิ์ไปยับยั้งการทำงานของเส้นประสาท ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว นิยมใช้ในการรักษาริ้วรอยบนใบหน้า โดยเฉพาะตามหางตา หน้าผาก รอยตีนกา
สามารถนำมาฉีดบริเวณคางเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อคางที่เกร็งตัวได้ ทำให้ผิวหนังคางแลดูเรียบเนียน ไม่ย้วยหรือเป็นคลื่นเหมือนเดิม ร่องคางที่ลึกดูตื้นขึ้น
แต่โบท็อกซ์ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาคางสั้นหรือหลุบโดยตรง เพราะไม่ได้ทำให้คางยาวขึ้น แต่เป็นการรักษาเสริมเพื่อทำให้คางดูสวยขึ้น ใช้ได้เฉพาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อเท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างกระดูก และผลของโบท็อกซ์อยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ต้องฉีดซ้ำหากต้องการคงผลลัพธ์ไว้
หัวข้อ | โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ |
---|---|
ข้อดี | • ช่วยให้กล้ามเนื้อคางคลายตัว ผิวเรียบเนียนขึ้น ไม่เป็นคลื่น • ทำให้ร่องคางที่ลึกตื้นขึ้น แลดูอ่อนเยาว์ • ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีแผล |
ข้อเสีย | • ไม่ทำให้คางยาวขึ้น ไม่ได้แก้ปัญหาคางสั้นหรือคางหลุบโดยตรง • ใช้ได้เฉพาะกับผู้มีปัญหากล้ามเนื้อเท่านั้น ไม่เหมาะกับปัญหาโครงสร้างกระดูก • ผลอยู่ได้ชั่วคราว ประมาณ 4-6 เดือน ต้องฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์ |
ผลลัพธ์ | กล้ามเนื้อจะค่อยๆ คลายตัวและอ่อนแรงลง โดยเริ่มเห็นผลภายใน 7-14 วัน |
อายุใช้งาน | 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับขนาดกล้ามเนื้อ ความแข็งแรง และระบบการย่อยสลายโบท็อกซ์ของแต่ละคน |
ราคา | เริ่มต้นที่ 3,000-5,000 บาทต่อครั้ง |
การแก้ไขปัญหาคางด้วยวิธีผ่าตัด
ผ่าตัดเสริมคาง
การผ่าตัดเสริมคาง วิธีแก้ไขปัญหาคางสั้น คางตัด คางหลุบที่เห็นผลถาวร สามารถเสริมความยาวได้มากกว่าฟิลเลอร์ เหมาะกับรูปหน้าที่เริ่มเปลี่ยนจากวัยที่มากขึ้น หรือผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว โดยไม่ต้องกลับมาทำซ้ำบ่อย
วัสดุที่ใช้เสริมคางมีหลายประเภท เช่น ซิลิโคน หรือกระดูกอ่อนจากตัวเอง ซึ่งแต่ละชนิดมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไป
ขั้นตอนการผ่าตัดเสริมคาง แพทย์จะทำการกรีดผ่าตัดบริเวณด้านในช่องปาก จากนั้นใส่วัสดุเสริมคางลงไปไว้ใต้กระดูกคางและเย็บปิดแผล มีการฉีดยาชาแต่ไม่ต้องดมยาสลบ ใช้เวลาทำ 1-2 ชั่วโมง ผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลได้ในวันเดียว แต่ต้องพักฟื้น 1-2 อาทิตย์เพื่อให้แผลหาย ในระยะแรกอาจบวมและรู้สึกเจ็บ (สามารถทานยาแก้ปวดได้) โดยหลังผ่าตัดอาจจำเป็นต้องจัดฟันเพื่อแก้ไขการสบฟันที่ผิดปกติด้วยค่ะ
หัวข้อ | ผ่าตัดเสริมคาง |
---|---|
ข้อดี | • ได้ผลถาวร ไม่ต้องกลับมาทำซ้ำบ่อย • เสริมความยาวได้เกินกว่า 1 ซม. • เลือกวัสดุเสริมได้ตามความเหมาะสม |
ข้อเสีย | • มีแผลผ่าตัด ใช้เวลาพักฟื้น และอาการบวมช้ำ เจ็บ 7-14 วัน • แผลผ่าตัดเป็นทั้งในปากและใต้คาง อาจเห็นรอยแผลเป็นจางๆ • เสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด หรือวัสดุเสริมคาง • หากไม่พอใจผลลัพธ์ การแก้ไขทำได้ลำบาก ต้องผ่าตัดอีกครั้ง |
ผลลัพธ์ | • คางดูยาวขึ้น ได้รูปทรงตามต้องการทันทีหลังผ่าตัด แต่จะบวมมากในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก • รอยแผลจะเริ่มจางหายไปในเดือนที่ 2-3 • การเคี้ยว การพูดจะเริ่มทำได้สะดวกขึ้นหลัง 1 เดือน ผลลัพธ์สุดท้ายคงที่จะเห็นชัดเมื่อครบ 6 เดือนไปแล้ว |
ระยะพักฟื้น | แผลผ่าตัดจะหายประมาณ 7-10 วัน สามารถกลับไปทำงานหรือใช้ชีวิตตามปกติได้ภายใน 2 สัปดาห์ แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้บริเวณแผลโดนกระแทกหรือถูกกดทับ อย่างน้อย 6-8 สัปดาห์ |
ราคา | เริ่มต้นที่ 40,000-50,000 บาท ไปถึง 200,000 บาท ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุที่ใช้ ความยากง่ายของการผ่าตัด รวมถึงประสบการณ์ของแพทย์และมาตรฐานสถานพยาบาล |
ผ่าตัดขากรรไกร
บางกรณีการแก้ไขปัญหาคางสั้น คางหลุบ แค่การเสริมคางอาจไม่เพียงพอ แต่ต้องแก้ไขที่ต้นเหตุซึ่งเป็นความผิดปกติของกระดูกโครงหน้า โดยเฉพาะส่วนขากรรไกรที่สั้นและถอยหลังเข้าไป การแก้ไขต้องใช้วิธีการผ่าตัดเลื่อนขากรรไกรล่างไปข้างหน้า ให้กระดูกขากรรไกรยื่นออกมาพอดีกับส่วนบน ทำให้หน้าตรง สมดุลการผ่าตัดขากรรไกร ถือว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่ ที่ซับซ้อนและใช้ระยะเวลาพักฟื้นนานกว่าการผ่าตัดเสริมคางทั่วไป โดยแพทย์จะตัดกระดูกขากรรไกรแล้วเลื่อนเข้าที่ใหม่ จากนั้นยึดให้อยู่ตัวด้วยวัสดุยึดโลหะหรือแผ่นรองพลาสติก แนะนำให้เลือกผ่าตัดกับทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมแม็กซิลโลเฟเชียลและช่องปาก เพราะมีโอกาสเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
หัวข้อ | ผ่าตัดขากรรไกร |
---|---|
ข้อดี | • แก้ไขปัญหาคางหลุบ คางถอย ได้อย่างตรงจุด • ช่วยแก้ไขรูปหน้าโดยรวม ลดความผิดปกติของโครงหน้า • ผลลัพธ์ถาวร ได้กระดูกขากรรไกรที่งุ้มออกมาพอดี |
ข้อเสีย | • เป็นการผ่าตัดใหญ่ เสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด • ต้องใช้ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมแม็กซิลโลเฟเชียลโดยเฉพาะ • ระยะพักฟื้นนาน มีอาการบวม เจ็บ มากกว่าการผ่าตัดเสริมคาง |
ผลลัพธ์ | คางยื่นออกมาทันที ใบหน้าดูสมดุลมากขึ้น แต่ในระยะแรกจะมีอาการบวมมาก เคี้ยวอาหารลำบาก ต้องใช้เวลาฟื้นตัวหลายสัปดาห์ |
ระยะพักฟื้น | 3-6 สัปดาห์ หรืออาจนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับเทคนิคการผ่าตัดและการดูแลตัวเอง |
ราคา | เริ่มต้นที่ 70,000-200,000 บาท ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของการผ่าตัด ค่าทีมแพทย์ และโรงพยาบาล |
เทคนิค Nemotec V
ปัจจุบัน การผ่าตัดขากรรไกรมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การผ่าตัดแม่นยำและปลอดภัยมากขึ้นแล้ว หนึ่งในนั้นคือ เทคนิค Nemotec V ระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้จำลองภาพใบหน้า 3 มิติ ของผู้ป่วยก่อนและหลังผ่าตัด ช่วยให้แพทย์สามารถจำลองการผ่าตัด วางแผนงานล่วงหน้า และวิเคราะห์ถึงผลลัพธ์ที่จะเป็นก่อนลงมือจริง ซึ่งผู้ป่วยสามารถเห็นภาพจำลองตัวเองหลังการผ่าตัดล่วงหน้าได้ด้วยเช่นกัน
หัวข้อ | การผ่าตัดแบบ Nemotec V | การผ่าตัดแบบธรรมดา |
---|---|---|
การจำลองก่อนผ่าตัด | จำลองโครงสร้างใบหน้า 3 มิติ ก่อนและหลังผ่าตัด เห็นภาพชัดเจน | ใช้โมเดลพิมพ์ฟันเพียง 2 มิติ เห็นการสบฟันอย่างเดียว ไม่เห็นมิติกระดูก |
ความละเอียด แม่นยำ | ความละเอียดสูงมาก แม่นยำกว่า | ความละเอียดแม่นยำน้อยกว่า |
ความเสี่ยง | เสี่ยงโดนอวัยวะสำคัญและเส้นประสาทหรือหลอดเลือด ต่ำกว่า (น้อยกว่า) | เสี่ยงโดนอวัยวะสำคัญและเส้นประสาทหรือหลอดเลือด สูงกว่า (มากกว่า) |
อาการบวม พักฟื้น | บวมน้อย ฟื้นตัวเร็วกว่า | บวมมาก ฟื้นตัวช้ากว่า |
ราคา | เริ่มต้นที่ 300,000 บาท | เริ่มต้นที่ 200,000 บาท |
การเตรียมตัวก่อนและหลังการแก้ไขปัญหาคาง
ไม่ว่าจะเลือกแก้ไขปัญหาคางด้วยวิธีไหน ทั้งการฉีดฟิลเลอร์ ผ่าตัดเสริมคาง หรือการผ่าตัดขากรรไกร สำคัญคือต้องเตรียมความพร้อมของร่างกายทั้งก่อนและหลังทำหัตถการ เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน ช่วยให้การทำหัตถการเป็นไปราบรื่น และฟื้นตัวได้เร็วอย่างที่ควรเป็นค่ะ
การเตรียมตัวก่อนแก้ไขปัญหาคาง
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กำหนดนัดล่วงหน้ากับแพทย์เพื่อตรวจประเมินปัญหาคางอย่างละเอียด บอกความต้องการและผลลัพธ์ที่หวัง พร้อมฟังคำแนะนำจากแพทย์ถึงวิธีรักษาที่เหมาะสม ข้อดี ข้อเสีย ความเสี่ยงต่างๆ ไปถึงค่าใช้จ่ายที่ชัดเจน เพื่อประกอบการตัดสินใจ
- ตรวจสุขภาพทั่วไป กรณีต้องรับยาชาหรือยาระงับความรู้สึก ควรตรวจเลือดและสุขภาพโดยรวม ให้แน่ใจว่าพร้อมเข้ารับการทำหัตถการได้ หากมีโรคประจำตัว ควรควบคุมอาการให้คงที่ก่อนและปรึกษาแพทย์เรื่องยาที่ใช้ประจำ เพื่อปรับขนาดยาหรือหยุดยาตามความจำเป็น
- งดใช้ยาที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี แอสไพริน ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ อย่างน้อย 14 วันก่อนและหลังการทำหัตถการ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดเลือดออกผิดปกติระหว่างและหลังการทำ
- งดอาหาร งดน้ำ งดสูบบุหรี่ กรณีต้องดมยาสลบหรือได้รับยาระงับความรู้สึก ควรงดอาหารกับน้ำอย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนทำหัตถการเพื่อป้องกันการสำลัก และงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 14 วันเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหรือแผลหายช้า
- งดแต่งหน้า งดประดับสิ่งของบนใบหน้า ในวันที่เข้ารับการทำหัตถการ ควรงดการแต่งหน้าหรือทาครีมบำรุง เพื่อลดโอกาสการระคายเคืองผิวจากสารเคมี แนะนำให้เช็ดใบหน้าด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาดเท่านั้น และถอดเครื่องประดับที่ใส่บริเวณหน้า เช่น ต่างหู จมูก กรณีที่สวมคอนแทคเลนส์ก็ต้องถอดออกด้วยค่ะ
- หากต้องพักค้าง ให้เตรียมเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย เหมาะกับการพักผ่อน อย่าเป็นชุดที่รัดหรือต้องรูดผ่านศีรษะ ควรเป็นเสื้อผ้าที่สวมง่าย ถอดง่าย เช่น เสื้อผ้าที่มีกระดุมหรือซิป เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนและการทำแผล
- สำรวจและเตรียมสภาพจิตใจ เพราะการแก้ไขปัญหาคางเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องใช้ระยะเวลาและความอดทน ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เป็นไปตามหวัง 100% อาจต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมภายหลัง หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้ต้องพักฟื้นนานกว่าปกติ
สิ่งเหล่านี้ต้องทำความเข้าใจและเตรียมใจไว้ล่วงหน้า อย่าคาดหวังผลที่เกินจริง เพื่อป้องกันความผิดหวังและความเครียดที่จะตามมา
การดูแลตัวเองหลังแก้ไขปัญหาคาง
- พักผ่อนให้เพียงพอ หลังทำหัตถการอาจมีอาการปวด บวม มีรอยช้ำ แนะนำให้จัดสรรเวลานอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง นอนพักในท่าที่สบาย หนุนหัวสูงเล็กน้อย แต่หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ และอย่าทำกิจกรรมที่ใช้แรงมากหรือออกกำลังกายหนักๆ 2-3 สัปดาห์
- ประคบเย็นและร้อนสลับกัน ใน 24-48 ชั่วโมงแรกหลังทำหัตถการ ให้ประคบด้วยความเย็นเพื่อลดอาการบวม ใช้น้ำแข็งหรือเจลประคบหน้าห่อผ้าสะอาด วางบนผิวหนังแบบสัมผัสเบาๆ ครั้งละ 10-15 นาที ทุก 1 ชั่วโมง หลังจาก 48 ชั่วโมงไปแล้ว ให้เปลี่ยนเป็นการประคบอุ่นแทน เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ทั้งนี้ระมัดระวังอย่าให้ตำแหน่งที่มีแผลผ่าตัดสัมผัสความเย็นหรือร้อนโดยตรง
- รับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย ในช่วงแรกหลังทำหัตถการ เช่น โจ๊ก ซุป ไข่ต้ม ปลาเนื้ออ่อน ผักผลไม้นึ่งหรือปั่นละเอียด หลีกเลี่ยงอาหารแข็งเหนียว เคี้ยวยาก เพื่อป้องกันแรงกดทับบนแผล 2-3 สัปดาห์ จึงค่อยรับประทานอาหารเหนียวหรือแข็งได้ตามปกติ
- ดูแลความสะอาดของแผลในปาก กรณีมีแผลผ่าตัดในช่องปาก หลังจากรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำทุกครั้ง ควรบ้วนปากให้สะอาดด้วยน้ำเกลือ หากใส่ฟันปลอมชั่วคราวก็ต้องถอดออกแล้วแปรงให้สะอาด รวมถึงทำความสะอาดบริเวณด้านในสุดของแก้มและกระพุ้งแก้ม เพื่อขจัดเศษอาหารตกค้าง อย่าแคะเขี่ยรอยแผลด้วยนิ้วหรือสิ่งของ หากกังวลว่ามีความผิดปกติ ให้สังเกตกลิ่นปากและสีของเสมหะ ถ้ามีกลิ่นเหม็นหรือสีผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์
- เลี่ยงการสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 เดือนหลังทำหัตถการ เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองในช่องปาก เพิ่มการบวมและอาจทำให้ติดเชื้อได้ง่าย ไปถึงส่งผลให้การสมานของแผลช้าลง ทำให้แผลหายช้าและเกิดแผลเป็นนูนได้
- ระวังอย่ากดทับหรือนวดบริเวณที่ทำ เมื่อแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ ต้องระวังอย่าให้บริเวณแผลรับการกระทบกระแทกรุนแรง รวมถึงการกดทับหรือนวดคลึงบริเวณที่ทำ เพื่อป้องกันการเลื่อนหลุดหรือเสียรูปร่างของวัสดุที่ฝังใต้ผิวหนัง และเมื่อรอยช้ำเริ่มจางลง ให้นวดวนนิ้วเบาๆ เป็นวงกลมตามบริเวณที่ทำด้วย เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนและป้องกันพังผืดใต้ผิว
- สังเกตอาการผิดปกติหลังทำหัตถการ ถ้ามีอาการปวดบวมมากผิดปกติ มีไข้สูง หนาวสั่น แผลมีหนองหรือมีเลือดซึม แผลแยกหรือแตกออก รู้สึกชาแปลบๆ เป็นเวลานาน อาการชาลามขึ้นมาถึงริมฝีปาก แก้ม คาง หรือมีจุดช้ำบวมเป็นก้อนแข็ง แนะนำ รีบแจ้งให้แพทย์ทราบและกลับไปพบแพทย์โดยเร็ว เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อน (ยิ่งพบเร็วก็ยิ่งแก้ไขได้ทันท่วงที)
สรุป
สรุปแล้ว ปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม หรือคางถอย ล้วนส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ และความสวยงามบนใบหน้าทั้งสิ้น ซึ่งแม้จะเปลี่ยนแปลงรูปทรงคางที่ติดมาแต่กำเนิดไม่ได้ แต่เราสามารถปรับแต่งแก้ไขให้ดีขึ้นได้
ไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ หรือการผ่าตัด แต่ละวิธีก็ต่างมีข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมกับสภาพปัญหาที่ต่างกันไป แนะนำให้ศึกษาทำความเข้าใจกับตัวเลือกต่างๆ ให้ดี และเลือกคลินิกหรือแพทย์ที่ไว้ใจได้ เพื่อปรึกษาและวางแผนการรักษาให้เหมาะสมต่อไป